ในอดีตโรคเบาหวานมักจะเกิดขึ้นกับคนสูงอายุ แต่ปัจจุบันสถิติทั่วโลกของกลุ่มคนที่เป็นโรคเบาหวาน กลับมีวัยที่น้อยลงและมีแนวโน้มผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจทั้งนี้ ความชุกของเบาหวานเพิ่มสูงขึ้นทั่วโลกทั้งในประเทศที่พัฒนาแล้วและประเทศที่กำลังพัฒนา แต่ประเทศกำลังพัฒนาต้องแบกรับภาระการเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วของผู้ที่เป็นเบาหวานในกลุ่มคนที่อายุน้อยและกำลังอยู่ในวัยทำงาน(35-64 ปี)
โดยต่างกับประเทศที่พัฒนาแล้วที่พบเบาหวานส่วนใหญ่ในผู้สูงอายุ ในปี พ.ศ.2556 มีผู้เป็นเบาหวานทั่วโลก 371 ล้านคน โดยมีประเทศจีนมาเป็นอันดับหนึ่ง ตามด้วย อินเดียและสหรัฐอเมริกา เป็นอันดับ 2 และ 3 ตามลำดับ สำหรับประเทศไทย เมื่อปีพ.ศ.2552 มีผู้เป็นเบาหวานในประเทศไทย 3.5 ล้านคน
น.พ.ธวัชชัย ภาสุรกุล ผู้อำนวยการศูนย์เบาหวาน ไทรอยด์ และต่อมไร้ท่อ โรงพยาบาลเวชธานี กล่าวว่า สำหรับปัจจัยของการเกิดโรคเบาหวานนั้น มีสาเหตุมาจากประชากรอายุยืนขึ้น, การรับประทานอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ, ภาวะน้ำหนักเกินและความอ้วน และความเป็นอยู่ที่สะดวกสบายและขาดการออกกำลังกาย ซึ่งเบาหวานสามารถจำแนกได้เป็น 4 ประเภท คือประเภทที่ 1 ส่วนใหญ่พบในเด็ก มีลักษณะสำคัญคือ ตับอ่อนสร้างอินซูลินออกมาได้น้อยมาก จำเป็นต้องฉีดอินซูลินตลอดชีวิตเพื่อดำรงชีวิตให้อยู่ได้ ประเภทที่ 2 ซึ่งพบในผู้ใหญ่ และเป็นเบาหวานที่พบมากที่สุดทั่วโลกถึง 85-95% ของผู้ป่วยเบาหวานทั้งหมดประเภทที่ 3 คือ เบาหวานที่ไม่ทราบสาเหตุและประเภทที่ 4 คือ เบาหวานขณะตั้งครรภ์ทั้งนี้ ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่มีส่วนเกี่ยวข้อง กับเบาหวานประเภทที่ 2 ซึ่งพบในผู้ใหญ่หลายประการคือ ประวัติกรรมพันธุ์โรคเบาหวานในครอบครัว, น้ำหนักเกิน หรืออ้วน,การรับประทานอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ,การขาดการออกกำลังกาย, อายุมากขึ้น,ความดันโลหิตสูง, ไขมันในเลือดสูง, เชื้อชาติ,ความบกพร่องต่อความทนน้ำตาล และความบกพร่องของน้ำตาลในเลือดขณะอดอาหาร(ซึ่งรวมเป็นภาวะก่อนเบาหวาน, หญิงที่มีประวัติเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ และภาวะทุพโภชนาการขณะตั้งครรภ์
"เบาหวานอาจไม่ใช่โรคติดต่อที่เป็นปัญหาสำคัญทั่วโลก แต่พบได้ทุกเพศ ทุกวัย ทุกฐานะ ไม่เฉพาะในผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีฐานะดี อีกทั้งยังมีส่วนที่ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนทั่วทั้งร่างกายในหลายอวัยวะ เช่นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ รวมถึงภาวะหัวใจล้มเหลว โรคอัมพาต โรคหลอดเลือดแดงส่วนปลายตีบ ซึ่งทำให้เกิดภาวะเนื้อตายที่เท้า และถูกตัดเท้าในที่สุด นอกจากนี้ ยังทำให้เกิดโรคไตวายเรื้อรัง ตาบอด โรคติดเชื้อต่างๆ ตลอดจนปลายประสาทอักเสบเป็นต้น เบาหวานจึงเป็นสาเหตุการตายที่พบได้บ่อยไม่แพ้โรคเอดส์ ทุก 7 วินาที ดังนั้นทุกภาคส่วนทั้งโรงพยาบาลรัฐ และเอกชนนั้นควรมีส่วนร่วมในการรณรงค์ในการช่วยสร้างความตื่นตัวต่อภัยของเบาหวาน การป้องกันเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะสามารถป้องกันได้ ควบคุมได้ก่อนที่จะสายเกินแก้ เพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดีทั้งกายและใจต่อไป"น.พ.ธวัชชัยกล่าวทิ้งท้าย