ASTVผู้จัดการรายวัน - แพทยสภาชงที่ประชุม 12 ก.ย. พิจารณาประกาศยกเลิกใช้ "ซิลิโคนเหลว" ในศัลยกรรมความงาม ระบุซิลิโคนเหลว ทำลายเนื้อเยื่อ ผิวหนัง ทำให้อวัยวะผิดรูป
วานนี้ (22 ส.ค.) นพ.สัมพันธ์คมฤทธิ์ เลขาธิการแพทยสภา และประธานคณะอนุกรรมการคุ้มครองประชาชนจากการประกอบวิชาชีพเวชกรรม เกี่ยวกับการศัลยกรรมตกแต่ง การเสริมสวย และการโฆษณา ของแพทยสภา แถลงว่าคณะกรรมการและอนุกรรมการคุ้มครองประชาชนฯมีมติเห็นชอบให้เสนอคณะกรรมการแพทยสภาในวันที่ 12 ก.ย.ประกาศยกเลิกการฉีดสาร "ซิลิโคนเหลว" เพื่อการเสริมสวยบนใบหน้า และส่วนอื่นๆของร่างกายอย่างเด็ดขาด โดยจะมีผลบังคับใช้ในเร็วๆ นี้ จึงขอแจ้งให้บุคลากรแพทย์ได้รับทราบเพื่อปฏิบัติตามต่อไปเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยให้กับประชาชน พร้อมกันนี้ยังเป็นการสร้างมาตรฐานการบริการทางการแพทย์ให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล
เหตุผลที่ยกเลิกเนื่องจากซิลิโคนเหลว เป็นสารตัวหนึ่งที่พบว่า ส่งผลรุนแรงต่อเนื้อเยื่อ ผิวหนัง และเกิดการเคลื่อนตัวไปยังอวัยวะส่วนอื่นๆ ของร่างกายทำให้ผู้ที่รับการฉีดเกิดความเสียหายทั้งด้านร่างกายเช่น อักเสบ บวม อวัยวะผิดรูป และเสียชีวิต
ด้าน นพ.ชลธิศ สินรัชตานันท์นายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทย และอนุกรรมการคุ้มครองประชาชนฯ นำเสนอข้อเท็จจริงเกี่ยวกับซิลิโคนเหลวว่าในวงการศัลยกรรมมีการใช้ซิลิโคนมานาน ได้แก่ การเสริมหน้าอก การเสริมจมูกและคาง โดยประเภทของซิลิโคนที่นิยมใช้อย่างแพร่หลาย
ก่อนหน้านี้คือ ซิลิโคนแบบแท่ง ซึ่งใช้ในการเสริมจมูกและคาง จนเมื่อมีกระแสความนิยมศัลยกรรมความงามเติบโตมากขึ้น ทำให้มีคนบางกลุ่มนำซิลิโคนแบบแท่งไปดัดแปลงด้วยการปั่นให้มีขนาดโมเลกุลเล็กลงจนกลายเป็นของเหลว หรือ ซิลิโคนเหลว แล้วนำมาใช้ฉีดเพื่อเติมเต็มส่วนต่างๆ ในร่างกายแทนการศัลยกรรมด้วยวิธีการผ่าตัด เพราะราคาไม่แพง ทำได้ง่าย ไม่เจ็บ ไม่เป็นแผลและระยะแรกที่ฉีดเข้าไปจะดูสวยงาม เต่งตึงแต่ขอยืนยันว่าไม่ได้เป็นผลจากสารซิลิโคนเหลวที่ฉีดเข้าไป แต่เป็นอาการบวมของผิวหนัง
ทั้งนี้ อวัยวะที่นิยมฉีดสารนี้ก็คือ จมูก หน้าผาก โหนกแก้ม คางหน้าอก สะโพกและเจ้าโลก ซึ่งสารซิลิโคนเหลวที่ฉีดเข้าไปจะทำลายเนื้อเยื่อ และเซลล์ใต้ผิวหนังประมาณ3-5 ปีจะเริ่มเห็นผลคืออวัยวะเริ่มผิดรูป เพราะเนื้อเยื่อและเซลล์ถูกทำลายจึงเกิดอาการบวมและอักเสบรวมทั้งสารซิลิโคนเหลวจะค่อยๆไหลมากองรวมกัน ทำให้มีการห้อยย้อย แข็งตึง และมีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างของผิวหนังบริเวณที่ฉีดสำหรับด้านการรักษาทำได้ยากมากเพราะเนื้อเยื่อและเซลล์ใต้ผิวหนังเกิดความเสียหายอย่างมาก ทำได้คือรักษาอาการอักเสบ จากนั้นใช้วิธีการขูดเนื้อเยื่อและเซลล์ที่ตายออกเพื่อให้เซลล์เกิดการสร้างขึ้นใหม่ ใช้เวลาในการรักษานานและไม่สามารถกลับไปมีสภาพเหมือนเดิมได้
"มีผู้เสียหายมาปรึกษาและขอให้ช่วยรักษาจำนวนมาก จึงขอเสนอให้มีการยกเลิกการฉีดสารซิลิโคนเหลว เพื่อการเสริมสวยบนใบหน้า และส่วนอื่นๆ ของร่างกาย"นพ.ชลธิศ กล่าว |