อาการปวดส้นเท้า ปวดเข่า และหลังส่วนล่างที่พบบ่อยๆ ในหลายคนมักจะเกิดมาจากหลายสาเหตุเช่น ออกกำลังกายอย่างหนัก หรือจากเคยประสบอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับกระดูก เส้นเอ็น หรือกล้ามเนื้อหรือจากรองเท้าที่สวมใส่ ทว่ามีสาเหตุหนึ่งที่อาจคาดไม่ถึงคือมาจากภาวะเท้าแบน ซึ่งสรีระเท้าที่ถูกต้องจะต้องมีอุ้งเท้า
นพ.เชิดพงศ์ หังสสูต แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องเท้าเวชศาสตร์ฟื้นฟู กล่าวว่า สมัยก่อนเราจะเดินบนพื้นหญ้า ดิน หรือทราย ซึ่งพื้นผิวธรรมชาติเหล่านี้จะช่วยรองรับอุ้งเท้า แต่ปัจจุบันเราเดินบนพื้นปูนแข็งๆแบนราบทำให้อุ้งเท้าและข้อเท้าต้องรับน้ำหนักร่างกาย เมื่อเดินเท้ากระทบกับพื้นราบแบนแข็งที่ไม่สามารถรับกับอุ้งเท้าซึ่งเป็นส่วนโค้งเว้าก็จะทำให้เท้าบิดเข้าด้านในทีละน้อย ขณะก้าวเดินอุ้งเท้าค่อยๆแบนลงทำให้ข้อเท้าบิดเอียงเข้าด้านใน เส้นเอ็นที่เท้าเกิดการตึงยืดออกไปจากเดิมทำให้เกิดอาการปวดส้นเท้า ถ้าฝืนเดินต่อเส้นเอ็นในร่างกายซึ่งเกี่ยวพันกันถึงทุกส่วนก็จะทำให้เกิดอาการปวดมากไปถึงหัวเข่าและหลังส่วนล่างได้
ในการรักษาที่ถูกวิธี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องเท้ากล่าวว่า การใช้ยานวดหรือกินยาคลายกล้ามเนื้อเป็นวิธีการรักษาที่ปลายเหตุ ที่ถูกต้องรักษาที่ต้นเหตุ กล่าวคือในผู้มีภาวะเท้าแบนให้ใส่แผ่นเสริมปรับสภาพเท้าในรองเท้าตลอดเวลา เพื่อให้เท้าถูกปรับสภาพให้ถูกต้องตลอดเวลาหรือให้เกิดอุ้งเท้าขณะใส่นั่นเองเมื่อสรีระเท้ากลับไปอยู่ในภาวะเหมือนที่มีอุ้งเท้าปกติเส้นเอ็นก็จะถูกลดการยืดตึง อาการปวดก็จะบรรเทาแต่ต้องใส่สม่ำเสมอทุกครั้งที่ต้องเดิน แต่ทุกวันนี้มีนวัตกรรมการทำรองเท้าสำหรับการปรับสรีระเท้าให้เลือกใช้เยอะ การเลือกรองเท้าก็เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยลดสาเหตุปัญหาที่เกิดกับเท้าได้
"ดังนั้น ไม่ควรเลือกรองเท้าเพียงเพระความสวยอย่างเดียว แต่ควรเลือกรองเท้าที่ดูแลสรีระเท้าป้องกันไม่ให้เท้าบิดเอียงหรือแบนลงได้ เช่น Scholl Biomechanics หรือรองเท้าที่มีพื้นนุ่มและรองรับแรงกระแทกได้ดี ช่วยกระจายน้ำหนัก รวมถึงรองเท้าที่มีปุ่มนวดเท้าสำหรับช่วยผ่อนคลายเท้า และรองเท้าที่ใส่แล้วเหมือนได้ออกกำลังกายขณะใส่ คือ พื้นรองเท้าที่มีความนุ่มของพื้นรองเท้าไม่เท่ากัน เวลาเดินก็จะทำให้ต้องใช้กล้ามเนื้อขามากขึ้น และช่วยให้กล้ามเนื้อขากระชับอีกด้วย"
