ผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยทัฟทส์ ในรัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา โดยการให้ผู้สูงอายุ 2,924 คนที่มีปัญหาเรื่องสายตาได้ทานอาหารเสริมต่างๆ เพื่อบำรุงสายตาต่อเนื่องนาน 8 ปี ผลการวิจัยพบว่า กรดไขมันดีเอชเอและอีพีเอ สารสำคัญในกรดไขมันโอเมก้า 3 ช่วยลดอาการจอประสาทตาเสื่อมขั้นรุนแรงได้ ส่วนสารต้านอนุมูลอิสระในผักโดยเฉพาะแครอทช่วยบำรุงสายตาจากอาการจอประสาทตาเสื่อมขั้นเริ่มต้นได้

          นอกจากทานอร่อยเคี้ยวกรุบกรอบแล้ว แครอทยังมีสารเบต้าแคโรทีนมากที่สุดในบรรดาผักสีส้ม นอกจากนี้มันก็ยังมีวิตามินและแร่ธาตุอื่นอีกหลายชนิด เบต้าแครอทีนก็คือ วิตามินเอ ซึ่งช่วยในการบำรุงรักษาดวงตา ป้องกันโรคตาฟาง เพราะแครอทมีผลต่อปฏิกิริยาเคมีของดวงตาต่อแสง วิตามินเอยังช่วยให้มีผิวที่ดีอีกด้วย และช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรคต่างๆ เช่นมะเร็งได้

          นอกจากนำมาประกอบอาหารได้สารพัดชนิด หรือแม้แต่แต่งเติมสีสันให้กับเมนูอาหารของคุณ แครอทยังนำมาทำเป็นของหวานอย่างเค้กแครอท หรือนำไปปันเป็นน้ำแครอทแยกกากก็ให้รสชาติที่แปลกไปอีกแบบ นอกจากนี้ แครอทยังอุดมไปทั้งเกลือแร่และวิตามินอีกมากมาย เช่นธาตุแคลเซียม มีฟอสฟอรัส เหล็ก มีวิตามินเอ บี 1 บี 2 และวิตามินซี ดังนั้นสามารถที่จะทานบ่อยๆ แค่ไหนก็ได้

          ส่วนโอเมก้า 3 นั้นนอกจากจะมีมากในปลาทะเลน้ำลึก และสัตว์ทะเลอื่นๆ เช่นกุ้ง ยังพบมากในน้ำเต้าและผักใบเขียวอื่นๆ แต่มีในปริมาณที่น้อยกว่ามาก ดังนั้น ถ้าอยากให้ร่างกาย

          ได้รับโอเมก้า 3 อย่างเพียงพอ ควรทานปลาทะเล 200-300 กรัมต่อวัน 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ก็จะสามารถเพิ่มกรดไขมันโอเมก้า 3 ในอาหารได้ถึง 0.2-0.5 กรัมต่อวัน

          ไม่เฉพาะสำหรับผู้สูงอายุ คนในวัยอื่นก็ถนอมและบำรุงสายตาได้ด้วยการบริโภคผัก ผลไม้เป็นประจำ รวมทั้งหมั่นทานปลาทะเลให้ได้ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ ดวงตาสดใสและทัศนวิสัยที่แจ่มชัดของตัวเองและคนที่เรารักจะได้อยู่คู่กันไปนานๆ