คาดประชาชนทยอยเดินทาง วันนี้ ถนนวิภาวดีฯ-พหลฯ จราจรหนาแน่น
          กรุงเทพธุรกิจ รัฐมนตรีมหาดไทย สั่งคุมเข้ม 7 วันอันตรายกำชับทุกพื้นที่ บูรณาการขับเคลื่อนการสร้างความปลอดภัยทางถนน พร้อมถอดบทเรียนปีที่ผ่านมา แนะประชาชนปฏิบัติตามหลัก "4 ห้าม 2 ต้อง" ลดอุบัติเหตุ-สูญเสีย ด้าน"ศรีวราห์" กำชับตร.ทั่วประเทศปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด คาดประชาชนทยอยเดินทางวันนี้ ถ.วิภาวดีฯ-พหลโยธิน คนแห่ขึ้นเหนือ-อีสานจราจรหนาแน่น
          พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) กล่าวถึงมาตรการป้องกันและ ลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2561 ว่า รัฐบาลห่วงใยความปลอดภัย ในการ เดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2561 จึงได้มอบหมาย ศปถ. โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) บูรณาการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขับเคลื่อนการ ลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างเต็มกำลัง
          โดยเฉพาะในช่วงการรณรงค์ "ขับรถ มีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร" ระหว่างวันที่ 28  ธ.ค. 2560 -3 ม.ค. 2561 มุ่งดำเนินมาตรการลดปัจจัย เสี่ยงอุบัติเหตุที่ครอบคลุมทั้งด้านคน รถ ถนน และสิ่งแวดล้อม โดยบังคับใช้กฎหมาย จราจรอย่างเคร่งครัด คุมเข้มพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุ ทั้งขับรถเร็ว เมาแล้วขับ และไม่ใช้อุปกรณ์นิรภัย เพิ่มความเข้มข้น การจัดตั้งจุดตรวจ ด่านชุมชน จุดสกัด และจุดบริการทั้งเส้นทางสายหลักและสายรอง
          ควบคู่กับการบริหารจัดการการจราจร เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางให้สอดคล้องกับช่วงเวลาเดินทาง อย่างไรก็ดีทาง ศปถ.ได้ระดมสรรพกำลังจากทุกภาคส่วนร่วมสร้างความปลอดภัยในการเดินทาง ของประชาชน
          โดยขอความร่วมมือผู้ใช้รถใช้ถนน ยึดการปฏิบัติตามหลัก "4 ห้าม 2 ต้อง" ได้แก่ ห้ามเร็ว ห้ามเมา ห้ามโทร ห้ามง่วง ...ต้องสวมหมวกนิรภัย และต้องคาดเข็มขัดนิรภัย เพื่อลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนและมอบความปลอดภัยเป็นของขวัญให้แก่กันในเทศกาลปีใหม่ 2561
          ด้านนายสุธี มากบุญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ศปถ.ได้สนธิกำลังกับหน่วยทหารฝ่ายปกครอง มูลนิธิอาสาสมัคร และหน่วยงานทุกภาคส่วนดำเนินมาตรการสร้างความปลอดภัยทางถนนอย่างเข้มข้น พร้อมได้กำชับให้จังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นบูรณาการขับเคลื่อนการสร้างความปลอดภัยทางถนน โดยเชื่อมโยงการทำงานอย่างใกล้ชิด นำบทเรียนและปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลที่ผ่านมา เพื่อวิเคราะห์และกำหนดมาตรการให้สอดคล้องกับสถานการณ์อุบัติเหตุทางถนน ในแต่ละพื้นที่
          พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ได้กำชับให้ตำรวจทั่วประเทศดำเนินการตามมาตรการที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะเรื่องการอำนวยความสะดวกเส้นทางการจราจรที่คาดว่าจะมีการจราจรหนาแน่น โดยในวันนี้(29 ธ.ค.) คาดการณ์ว่าประชาชนจะเดินทางเป็นจำนวนมาก
          เบื้องต้นยังเป็นห่วงเรื่องของการเดินทางในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะถนนวิภาวดีรังสิต และ ถนนพหลโยธิน เนื่องจากเป็นเส้นทางหลักออกสู่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อย่างไรก็ดีฝากถึงประชาชนที่ใช้รถใช้ถนนในการเดินทางให้เคารพกฎจราจรและทำตามอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน พร้อมกันนี้ตำรวจได้มีการเตรียม เครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆที่จะนำมาใช้ชั่วคราวในช่วงเวลาเร่งด่วน เช่น อุปกรณ์การแพทย์เคลื่อนที่เร็ว เช่น เครื่องมือช่วยคลอดฉุกเฉิน และ เครื่องมืออุปกรณ์ตำรวจช่าง สำหรับรถใหญ่และรถเล็ก โดยยืนยันว่าหากเกิดเหตุขึ้นจะสามารถช่วยเหลือได้เร่งด่วนและทันท่วงที
          พล.ท.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวถึง การส่งเสริมการท่องเที่ยวบนพื้นที่สูง ในพื้นที่ภาคเหนือว่า ในพื้นที่ที่กองทัพภาคที่3 รับผิดชอบนั้นและนักท่องเที่ยวมักนิยมไปท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากนั้น ได้แก่ ภูชี้ฟ้า ดอยอินทนนท์ ม่อนแจ่ม ฐานปฏิบัติการดอยช้างมูบ เป็นต้น ซึ่งตนมีความกังวลและเป็นห่วงเรื่องการเกิดอุบัติเหตุบน ท้องถนน ทั้งนี้ขอให้นักท่องเที่ยวระมัดระวัง การขับรถขึ้นภูเขาสูงอย่าประมาท ทั้งนี้ตนได้ สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทหารร่วมกับอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนจัดหน่วยบริการประชาชน จำนวน 185 จุด เพื่ออำนวยความสะดวกทางจราจรให้เกิดความ  โดยจะเริ่มมาตรการในวันที่ 28 ธ.ค. เป็นต้นไป จนกว่าจะพ้น 7 วันอันตราย
          แม่ทัพภาคที่ 3 ยังกล่าวถึง มาตรการปราบปรามยาเสพติด ในพื้นที่ภาคเหนือว่า จากการตรวจสอบข่าวสารของทางทหารและสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พบว่ายังมียาบ้าอีกจำนวนหลายร้อยล้านเม็ดที่จ่ออยู่ตามแนวชายแดน รอเข้ามาในประเทศไทย จึงได้เร่งกับ ป.ป.ส.ติดกล้องวงจรปิดตามแนวชายแดนระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตรโดยเฉพาะตามช่องทางธรรมชาติ ตั้งแต่จ.เชียงราย จ.เชียงใหม่ และจ.แม่ฮ่องสอน
          ขณะเดียวกัน ได้สั่งเพิ่มมาตรการป้องกันโดยเสริมกำลังเจ้าหน้าที่ตามชายแดน  โดยเฉพาะ ประชาชนที่จะเดินทางไปประเทศเพื่อนบ้าน เพราะขบวนการยาเสพติด มักจะฝากของที่แฝงยาเสพติดเข้ามาไทยด้วย