Follow us      
  
  

กรุงเทพธุรกิจ [ วันที่ 21/08/2557 ]
'ผัก-ผลไม้'ปนเปื้อนสารเคมีมหันตภัยเงียบคุกคามผู้บริโภค
การใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชในการเกษตรเป็นภัยร้ายที่ทำลายสุขภาพของเกษตรกรและผู้บริโภคมาอย่างต่อเนื่อง ซ้ำร้ายพิษภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืชในผักผลไม้ที่มีตราสัญลักษณ์มาตรฐานความปลอดภัยยังเป็นภัยแฝงที่ทำร้ายผู้บริโภคอย่างคาดไม่ถึง
          เมื่อเร็วๆ นี้ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ร่วมกับเครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช หรือ ไทยแพน (Thai-PAN) แถลงข่าว "เปิดผลทดสอบคุณภาพผัก ผลไม้ ประจำปี 2557 ตรามาตรฐานสินค้าเกษตรเชื่อถือได้แค่ไหน" เป็นเครื่องยืนยันถึงการมีอยู่จริงของพิษภัยในอาหารที่เราบริโภคอยู่ทุกวันนี้
          นายพชร แกล้วกล้า ผู้ประสานงานโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งกลไกคุ้มครองผู้บริโภคภาคประชาชนด้านอาหาร เผยว่า การสุ่มตรวจสารเคมีกำจัดศัตรูพืชตกค้างในปี พ.ศ.2557 เป็นการสุ่มตรวจในผักผลไม้เพื่อเฝ้าระวัง 2 รอบ คือ เดือนมี.ค. และพ.ค.ที่ผ่านมา
          โดยมีการสุ่มตรวจจาก 2 แหล่งหลัก ได้แก่ ห้างค้าปลีกและตลาดผักทั่วไปใน  5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ขอนแก่น ยโสธร และสงขลา
          ส่วนชนิดผักและผลไม้ที่สุ่มตรวจ ได้แก่ คะน้า ถั่วฝักยาว พริก ผักชี กะเพรา ส้ม สตรอว์เบอร์รี แอปเปิล ฝรั่ง และแตงโม โดยได้นำตัวอย่างส่งห้องปฏิบัติการที่ได้รับ ISO 17025 เพื่อวิเคราะห์หาสารเคมีกำจัดศัตรูพืช และเพิ่มการวิเคราะห์สารกำจัด โรคพืชในส้ม แอปเปิล และสตรอว์เบอร์รี
          นางสาวปรกชล อู๋ทรัพย์ ผู้ประสานงานเครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช บอกว่า ผลการวิเคราะห์ผักผลไม้เกินครึ่งที่มีจำหน่ายอยู่ทั่วไปมีการตกค้างของสารเคมีกำจัดศัตรูพืช 55.9 เปอร์เซ็นต์
          เฉพาะที่มีการตกค้างเกินค่ามาตรฐานเอ็มอาร์แอลของไทยมีมากถึง 46.6 เปอร์เซ็นต์ และเมื่อจำแนกตามแหล่งจำหน่ายแล้วเห็นได้ว่าผักที่มีการตกค้างของสารเคมีกำจัดศัตรูพืชมากที่สุด คือ ผักผลไม้ที่ได้รับตรารับรองมาตรฐาน Q
          "ภาพรวมของผัก Q พบการตกค้างของสารเคมี 87.5 เปอร์เซ็นต์ และมีจำนวนที่ไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานเอ็มอาร์แอลมากถึงร้อยละ 62.5"
          ผู้ประสานงานเครือข่ายเตือนภัย สารเคมีกำจัดศัตรูพืช บอกว่า ส่วนผักผลไม้ที่จำหน่ายในห้างค้าปลีกตกเกณฑ์อยู่ในระดับรองลงมาอยู่ที่ 53.3 เปอร์เซ็นต์ และแหล่งจำหน่ายที่ตกมาตรฐานเอ็มอาร์แอล น้อยที่สุด คือ ตลาด อยู่ที่ร้อยละ 40
          เมื่อจำแนกตามชนิดผักผลไม้ พบว่า ชนิดผลผลิตที่มีการตกค้างของสารเคมีกำจัดศัตรูพืชเกินค่ามาตรฐานมากที่สุด คือ ส้มสายน้ำผึ้ง โดยตกเกณฑ์ 100 เปอร์เซ็นต์
          รองลงมา ได้แก่ ฝรั่ง 69.2 เปอร์เซ็นต์ แอปเปิล 58.3 เปอร์เซ็นต์ คะน้า 53.8 เปอร์เซ็นต์ กะเพรา สตรอว์เบอร์รี และ ส้มจีน ชนิดละ 50 เปอร์เซ็นต์ ถั่วฝักยาว 42.9 เปอร์เซ็นต์ ผักชี 36.4 เปอร์เซ็นต์ แตงโม 15.4 เปอร์เซ็นต์ และพริกแดง  8.3 เปอร์เซ็นต์
          "มาตรฐาน Q ไม่ทำให้ผู้บริโภคมั่นใจเลยว่าผักผลไม้จะไม่มีสารตกค้าง  ในทางกลับกันการที่มีมาตรฐาน Q กลับ บ่งบอกว่ามีสารเคมีตกค้างเยอะกว่าผักที่ขายตามท้องตลาดด้วยซ้ำ"
          นางสาวกิ่งกร นรินทรกุล ณ อยุธยา รองผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี บอกด้วยว่า ปัญหาที่พบนอกเหนือไปจากเรื่องสารเคมีตกค้าง คือ ปัญหาของฉลากผลิตภัณฑ์ ซึ่งมีเลขรหัสใต้เครื่องหมาย Q ไม่ถูกต้อง และไม่สามารถตรวจสอบได้ ทำให้เกิดปัญหาใน การตรวจสอบข้อมูลของย้อนหลัง
          ปัญหาดังกล่าวถือเป็นปัญหาในเรื่องของกระบวนการรับรองมาตรฐานของสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) ซึ่งเป็นผู้ออกมาตรฐาน ตรวจสอบรับรอง และเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ต้นทางของกระบวนการสารเคมีที่ใช้ในระบบเกษตร เนื่องจากนั่งอยู่ในคณะกรรมการวัตถุอันตราย และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ที่เป็นหน่วยงานในกลุ่มกระทรวงสาธารณสุข ต้องเร่งจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น
          "การบริโภคอาหารที่หลากหลายเป็นอีกทางหนึ่งที่หลีกเลี่ยงสารพิษตกค้างได้ ผู้บริโภคควรรับประทานผักและผลไม้ที่มีตามฤดูกาลเป็นหลักเพื่อความปลอดภัยของตัวผู้บริโภคเอง"
          ทั้งนี้ เครือข่ายภาคประชาสังคมได้มีข้อเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยขอให้ มกอช. กรมวิชาการเกษตร และกรมส่งเสริมการเกษตร พัฒนาเครื่องหมาย Q ใหม่ เพื่อป้องกันความสับสนของผู้บริโภค และควบคุมมาตรฐานของผลผลิตตามที่กำหนด รวมถึงให้คณะกรรมการวัตถุอันตรายจัดการปัญหาเพื่อยกเลิกการใช้สารเคมีที่มีอันตรายร้ายแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาร คาร์โบฟูราน และเมโทมิล
          นอกจากนี้ กรมวิชาการเกษตรต้องควบคุมการนำเข้าและการจำหน่ายสารเคมีทางการเกษตรกลุ่มที่มีอันตรายร้ายแรงและดูดซึมอย่างเข้มงวดโดยเปิดให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงในกระบวนการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายทางการเกษตรและเพิ่มกลไกการตรวจสอบหลังการขึ้นทะเบียน
          พร้อมกันนี้ มกอช. อย. และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ต้องร่วมมือกับภาคเอกชน และประชาสังคมเร่งรัดการพัฒนาระบบเตือนภัยความปลอดภัยด้านอาหาร (Rapid Alert System for Food) ภายในปี พ.ศ.2558
 pageview  1205014    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved