เมื่อข้อมูลเชิงประชากรศาสตร์ระบุว่า สังคมไทยกำลังจะก้าวเข้าสู่สังคมของผู้สูงอายุในอีกไม่กี่ทศวรรษข้างหน้า การจัดการบริหารสังคมที่เต็มไปด้วยประชากรสูงวัยเป็นกลยุทธ์ที่จะต้องคิด และวางแผนแต่เนิ่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเตรียม ความพร้อมด้านหลักประกัน ทั้งการเงิน และด้านสุขภาพ
เพราะเราปฏิเสธไม่ได้ว่า ผู้สูงอายุมีต้นทุนในชีวิตประจำวัน จำนวนไม่น้อยที่จะต้องใช้ในการดูแลสุขภาพ เมื่อร่างกายเสื่อมถอย สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. สมาคมประกันชีวิตไทย และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. จึงได้ร่วมกันจัดงานเสวนา "วางแผนก่อนแก่ ดูแลชีวิตก่อนตาย" ขึ้น เพื่อเป็นการให้ความรู้ และกระจายข้อมูลการดูแลจัดการด้านชีวิตในวัยเกษียณให้กับคนไทย
นายแพทย์ชาญวิทย์ วสันต์ธนารัตน์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะองค์กร (สสส.) กล่าวว่า การส่งเสริม การวางแผนชีวิตก่อนตาย ได้ปรับให้เป็นยุทธศาสตร์ใหญ่ ที่คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติกำลังขับเคลื่อนให้เป็นวาระ แห่งชาติ เพราะปัจจุบันโลกกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ การพัฒนา เศรษฐกิจและสังคมจึงต้องคุ้มครองผู้สูงอายุ เพื่อให้คุณภาพชีวิตที่ดีด้วย
นอกจากนั้น การพัฒนา และการขยายตัวของสังคมเมือง ทำให้วิถีชีวิตของผู้สูงอายุในอนาคตจะต้องปรับเปลี่ยนไปจากมิติที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ดังนั้น ทุกภาคส่วนจะต้องกระตุ้นให้คนไทยหันมาวางแผนชีวิตกันมากขึ้น
"ด้านการออมเงิน เพื่อสร้างหลักประกันให้กับชีวิต ผู้สูงอายุ นับว่าเป็นปัจจัยหลักของการใช้ชีวิตหลังวัยเกษียณ เพื่อรองรับการใช้จ่ายด้านต่างๆ ที่สามารถเกิดขึ้นได้ ซึ่งภาครัฐจะเป็นเพียงผู้จ่ายค่าสวัสดิการเพียงฝ่ายเดียวไม่ได้ ประชาชนควรเป็นผู้ออมและภาครัฐควรเป็นผู้ดูแล"
นอกจากด้านการออมแล้ว การสร้างสังคมแห่งสุขภาวะที่ดี ยังเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับรองรับสังคมผู้สูงอายุ ทั้งในด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม การจัดการกระบวนการให้บริการด้านสุขภาพ และการจัดสาธารณูปโภคที่จำเป็นที่เอื้ออำนวยต่อผู้สูงอายุ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ ประชาชนจำเป็นต้องตระหนัก และใส่ใจกับการดูแลสุขภาพของตนเองด้วย
"เราต้องเริ่มจากการสร้างทัศนคติที่ถูกต้องให้กับ ตนเองก่อน ต้องรู้จักเรียนรู้การใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพที่ดีได้ในช่วงบั้นปลายโดยไม่เป็นทุกข์" นายแพทย์ชาญวิทย์ กล่าว
ทางด้าน คุณหญิงจำนงศรี หาญเจนลักษณ์ ผู้ริเริ่มโครงการสร้างศูนย์ฝึกอบรมและดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย หรือ Hospice ได้ให้ข้อคิดเกี่ยวกับการดูแลชีวิตในบั้นปลายให้มีความสุข โดยได้กล่าวว่า การทำความเข้าใจ และเตรียม ความพร้อมให้กับชีวิตก่อนจะถึงจุดสิ้นสุด จะทำให้ชีวิตบั้นปลายดำเนินไปอย่างราบรื่น ผู้สูงอายุจะมีสุขภาพจิตที่ดี และจะส่งผล ให้มีอายุที่ยืนยาวด้วย
"ประเทศของเราควรเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือสังคมผู้สูงอายุ ที่ปัจจุบันมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นกว่าในอดีต ควรมีการรองรับคนวัยเกษียณ มีศูนย์สำหรับการดูแล ฝึกอบรม เพื่อพัฒนาสภาวะร่างกาย จิตใจของผู้สูงอายุ และสร้าง สภาพแวดล้อมรอบตัวที่ดีต่อคุณภาพชีวิตได้ก่อนสิ้นใจ" คุณหญิงจำนงศรีกล่าว
ก่อนจะก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ โครงสร้างของประเทศเรายังมีช่องทางให้พัฒนา และเตรียมความพร้อมอยู่อีกมาก ดังนั้นจึงถึงเวลาแล้วที่ทุกฝ่ายจะหันมาปรับตัว ทั้งภาคประชาชน และภาครัฐ สังคมแห่งผู้สูงอายุ อาจไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวเหมือนที่หลายๆ คนคาดไว้