นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข ปลัดก.สาธารณสุขกล่าวว่า จากข่าวฆ่าตัวตายทั้งที่สำเร็จและไม่สำเร็จนั้น ขอให้ประชาชนช่วยกันป้องกัน เนื่องจากเป็นเรื่องใกล้ตัว โดยสังเกตความผิดปกติของผู้ใกล้ชิด โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรังเช่น มะเร็ง เบาหวาน ความดันสูง หากพบมีการพูดในทำนองสั่งเสีย ไม่ต้องการมีชีวิตอยู่ ให้ใส่ใจ รับฟัง พูดคุย อย่าปล่อยทิ้งไว้เพื่อได้โอกาสระบายความรู้สึก แต่หากไม่ดีขึ้นให้พาไปพบจิตแพทย์ทันที
รวมทั้งให้สังเกตตัวเองว่าเครียดสะสมหรือไม่ เช่น วิตกกังวลมาก นอนไม่หลับคลายเครียด เช่น ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ พูดคุยกับคนใกล้ชิด หรือโทรปรึกษาสายด่วนกรมสุขภาพจิต 1323 หรือแอพฯสบายใจ Sabaijai
ทั้งนี้ การฆ่าตัวตายมาจากหลายสาเหตุ ร้อยละ 50 พบว่ามาจากโรคซึมเศร้าคาดว่าคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป เป็นโรคซึมเศร้า 1.5 ล้านคน ได้ให้กรมสุขภาพจิตค้นหาผู้ที่เป็นโรคซึมเศร้าในกลุ่มเสี่ยงเพื่อเพิ่มการเข้าถึงและลดความรุนแรงที่อาจนำไปสู่การฆ่าตัวตาย ล่าสุดมีผู้ป่วยโรคซึมเศร้าเข้าถึงบริการร้อยละ 55.40 ซึ่งปี 59 ไทยมีอัตราฆ่าตัวตายสำเร็จอยู่ที่ 6.35 ต่อประชากรแสนคน ประมาณการณ์ว่ามีแนวโน้มลดลง |