นพ.โสภณ เมฆธน ปลัด ก.สาธารณสุข กล่าวว่า นโยบาย "เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติ มีสิทธิทุกที่" (Universal Coverage for Emergency Patients: UCEP) ของรัฐบาล ต้องการให้ผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะฉุกเฉินวิกฤติทุกคน ไม่ว่าสิทธิใดก็ตาม ได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลรัฐหรือเอกชนที่อยู่ใกล้ที่สุด เพื่อเพิ่มโอกาสการรอดชีวิตและลดความพิการให้น้อยที่สุด โดยไม่ต้องสำรองเงินค่ารักษาพยาบาลในระยะเบื้องต้น 72 ชั่วโมงแรก
          ทั้งนี้ ผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์ ได้แก่ 1.หัวใจหยุดเต้น ไม่หายใจ ไม่รู้สึกตัว 2.อาการทางสมอง มีการรับรู้ สติเปลี่ยนไป บอกเวลา สถานที่ คนที่คุ้นเคยผิดอย่างเฉียบพลัน 3.หายใจเร็ว แรง ลึก หายใจมีเสียงดังผิดปกติ พูดได้แค่สั้นๆ หรือร้องไม่ออกออกเสียงไม่ได้ สำลักอุดทางเดินหายใจกับมีอาการเขียวคล้ำ 4.ระบบไหลเวียนเลือดวิกฤติอย่างน้อย 2 ข้อ คือตัวเย็นและซีด เหงื่อแตกท่วมตัว หมดสติชั่ววูบหรือวูบเมื่อลุกยืน 5.อวัยวะฉีกขาดเสียเลือดมาก เสี่ยงพิการ 6.อาการอื่นๆ ที่เสี่ยงต่อชีวิตสูง เช่น เจ็บหน้าอกรุนแรงแขนขาอ่อนแรงทันทีทันใด ชักเกร็ง
          ผลการดำเนินงานตั้งแต่เริ่มโครงการ 1 เม.ย.-30 ส.ค.60 มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ 5,782 ราย จากผู้ขอใช้สิทธิ 12,710 ราย มากที่สุดคือสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า รองลงมาคือสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ สิทธิประกันสังคม และกองทุนอื่นๆ