นพ.ธีรพล โตพันธานนท์ อธิบดีกรมการแพทย์เปิดเผยว่า โรคข้อเข่าเสื่อม เกิดจากความผิดปกติของกระดูกอ่อนบริเวณผิวข้อเข่าทำให้ผิวข้อเสียหายไม่สามารถกลับสู่สภาพเดิมได้และอาจเสื่อมรุนแรงขึ้น มักพบในผู้ที่มีอายุเกิน 40 ปี และมากกว่า 65 ปี เป็นได้มากกว่า 50% อย่างไรก็ตาม อาจเป็นผลมาจากโรคหรือภาวะต่างๆ ได้แก่ ข้อเข่าเสื่อมหลังบาดเจ็บรุนแรง กระดูกแตกหักถึงผิวข้อ ติดเชื้อโรคข้อทางเมตาบอลิก มีน้ำหนักตัวมาก บาดเจ็บที่กระดูกและข้อเข่ามาก่อน เป็นโรคข้ออักเสบและรูมาติซั่ม เช่น ข้ออักเสบรูมาตอยด์ เกาต์ พันธุกรรม และเพศหญิงมีความเสี่ยงสูง
อาการจะเริ่มปวดข้อเข่า ลุกขึ้นจากท่านั่งลำบาก ข้อขัด ฝืด ตึง มีเสียงดังกรอบแกรบเวลาขยับเข่า งอเข่าได้น้อยลง หรือเหยียดข้อเข่าได้ไม่สุด ผู้ที่เป็นข้อเข่าเสื่อมอย่างรุนแรงในระยะท้าย อาการปวดเข่าอาจเกิดได้ตลอดเวลาหรือปวดตอนกลางคืนแม้ไม่ได้ใช้งาน ข้อเข่าจะผิดรูปเกิดอาการขาโก่งหรือขาฉิ่งได้
ทั้งนี้ สามารถป้องกันหรือชะลอการเสื่อมได้โดย 1.คุมน้ำหนักและลดน้ำหนัก2.ปรับเปลี่ยนอิริยาบถ พฤติกรรม และสภาพแวดล้อม เช่น เลือกนั่งบนเก้าอี้ที่มีความสูงพอเหมาะ หลีกเลี่ยงคุกเข่า นั่งยอง นั่งกับพื้น หรือนั่งพับเพียบ การงอเข่ามากๆ 3.ออกกำลังกายและบริหารกล้ามเนื้อด้านหน้าต้นขา โดยออกกำลังกายในน้ำ ส่วนการบริหารกล้ามเนื้อด้านหน้าต้นขา ช่วยให้มีแรงขยับข้อเข่าและพยุงให้ข้อมั่นคงขึ้น ควรทำทุกวันสม่ำเสมอ |