Follow us      
  
  

สยามรัฐ [ วันที่ 22/12/2557 ]
กรมสุขภาพจิต เผย"รัก"คือความรู้สึกในใจที่พ่อ-ลูก อยากบอกกันมากที่สุด
 นพ.เจษฏา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่าในอดีตเรามักให้ความสำคัญและวางบทบาทการเลี้ยงลูกไว้กับแม่ ในขณะที่พ่อถูกวางบทบาทให้เป็นหัวหน้าครอบครัวต้องทำมาหากิน หาเงินมาเลี้ยงดูคนในครอบครัวทำให้ความเป็นพ่อลูกมีระยะห่าง ลูกขาดความใกล้ชิดกับพ่อ แต่ในปัจจุบันรูปแบบของครอบครัวเปลี่ยนไป ทั้งพ่อและแม่ต้องทำงานนอกบ้านบทบาทการเลี้ยงดูลูกจึงไม่ใช่เป็นบทบาทของใคร คนใดคนหนึ่ง ซึ่งพัฒนาการด้านจริยธรรมครอบครัวพบว่าครอบครัวที่พ่อช่วยเลี้ยงลูกจะทำให้ลูกมีความสามารถในการควบคุมและยับยั้งชั่งใจตนเองได้ดีกว่าครอบครัวที่พ่อไม่มีส่วนช่วยในการเลี้ยงดูลูก
          อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวต่อว่า เวลาแม้เพียงน้อยนิดของพ่อที่ได้ทำกิจกรรมร่วมกับลูกตั้งแต่วัยเด็ก จะช่วยให้เด็กเติบโตได้อย่างสมวัยทั้งร่างกายและจิตใจ สามารถผ่านพ้นและแก้ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในแต่ละช่วงวัย จนเป็นผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะทางอารมณ์และพฤติกรรมที่เหมาะสม มีสุขภาพจิตดีตลอดไปได้ เนื่องจาก ลูกอายุ 1-3 ขวบ ถือเป็นช่วงที่มีความสำคัญในด้านความรัก ความอบอุ่น ขณะที่ช่วง 3-5 ขวบเป็นช่วงแห่งการเรียนรู้ พ่อจึงเป็นแบบอย่างสำหรับลูกย่อมทำให้ลูกเกิดความไว้วางใจ เมื่อมีปัญหาก็จะมาปรึกษาความรัก ความผูกพันในครอบครัว จึงเป็นรากฐานสำคัญของความรู้สึกมั่นคงปลอดภัย และความรู้สึกมีคุณค่าในเด็ก ทุกคนไม่ว่าหญิงหรือชาย ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันว่า พ่อคือต้นแบบในการแสดงความเป็นเพศชายในลูกชาย และเป็นต้นแบบให้ลูกสาวเรียนรู้จากพ่อในการปรับตัวเข้ากับเพศตรงข้ามได้ดี อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวเพิ่มเติมว่า ความรักความผูกพันที่ดีของพ่อจะส่งผลต่อลูกสาวและลูกชายโดยจะส่งผลให้ลูกสาว มีสัมฤทธิผลทางการศึกษาสูง รู้สึกดีต่อตนเองรู้จักยืนหยัดโดยไม่จำเป็นต้องก้าวร้าว รู้สึกมั่นใจในความสัมพันธ์ที่เหมาะสมกับเพศตรงข้าม มีความมั่นใจในตนเองและมีโอกาสประสบความสำเร็จในอนาคต ส่วนลูกชายจะส่งผลให้พวกเขา รู้จักบทบาทหน้าที่ที่พึงกระทำในครอบครัวมีภาวะผู้นำที่ดี สร้างวินัยและปรับตัวเข้ากับบุคคลอื่นในสังคมได้ดี มีความเข้มแข็งทั้งร่างกายและจิตใจ มีความเข้าใจในเรื่องเพศที่ดี วางตัวเหมาะสม มีความเป็นสุภาพบุรุษมีความมั่นใจในตนเอง มีความกล้าหาญในการช่วยเหลือผู้อื่นและทำกิจกรรมเพื่อช่วยเหลือสังคม อธิบดีกรมสุขภาพจิต ได้แนะแนวทางการเป็นแบบอย่างของพ่อให้กับลูก ได้แก่ 1.มีส่วนร่วมในการเลี้ยงลูก2.สอนสิ่งใหม่ๆ ให้กับลูก เพื่อให้ลูกมีความมั่นใจในตนเองมากขึ้น เช่น ทักษะการกีฬา ขี่จักรยาน ล้างรถ ปลูกต้นไม้ซ่อมแซมของใช้ เป็นต้น 3.สอนการบ้านและใช้เวลาใกล้ชิดลูกสอนให้ลูกรู้จักการคิดแก้ปัญหาโจทย์ สร้างบรรยากาศในการทำการบ้านให้มีความสุข ฟังความทุกข์ใจของลูกปรับบทบาทให้เป็นเพื่อนกับลูก ชื่นชมเมื่อลูกคิดหรือทำงานได้สำเร็จ ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจและความไว้วางใจให้กับลูก เมื่อเติบโตขึ้นจะทำให้เป็นคนมองโลกในแง่ดี รู้จักคิดแก้ปัญหาในชีวิตได้ดี 4.ให้เวลาสนุกสนานกับลูก ทำกิจกรรมร่วมกัน สำหรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงมีวันหยุดหลายวันจึงเป็นโอกาสดีที่พ่อลูกและครอบครัวจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันอย่างมีคุณค่ามีช่วงที่ดีแบ่งปันความสนุกสนานซึ่งกันและกันหรือการทำกิจกรรมที่ท้าทายร่วมกัน เช่น การปีนต้นไม้ เดินป่านอนเต้นท์ เป็นต้น ซึ่งจะช่วยให้ลูกมีความกล้าในการแสดงออกกล้าที่จะเผชิญกับปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อเติบโตได้ดี และ5.เป็นแบบอย่างของความกตัญญู พาลูกไปเยี่ยมและดูแลญาติผู้ใหญ่ ปู่ย่าตายาย ขอพรเพื่อเป็นสิริมงคลและดูแลเมื่อยามเจ็บไข้ รวมถึงการปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างของการรู้จักตอบแทนบุญคุณผู้มีพระคุณคนอื่นๆ ซึ่งการทำตัวอย่างที่ดีให้ลูกเห็นยอมเป็นการสอนที่ดีกว่าการใช้คำพูด ทั้งนี้ กรมสุขภาพจิต ได้สอบถามความคิดเห็นประชาชนอายุระหว่าง 8-79 ปี ในเขต กทม. และปริมณฑล จำนวน 400 ตัวอย่างเนื่องในวันพ่อแห่งชาติ 5 ธ.ค. 2557 เรื่อง "สิ่งที่พ่อกับลูก อยากจะบอกกัน" ทำการสำรวจ ระหว่างวันที่17-21 พ.ย.2557 พบว่า สิ่งที่ลูกอยากบอกกับพ่อมากที่สุด3 อันดับแรก ได้แก่ รักพ่อมากที่สุด ร้อยละ 67.50 รองลงมาคือ อยากบอกให้พ่อดูแลสุขภาพให้มากขึ้น ร้อยละ 9.25 และอยากบอกขอบคุณพ่อสำหรับทุกอย่างที่ทำเพื่อลูก ร้อยละ3.75 เช่นเดียวกับสิ่งที่พ่ออยากบอกกับลูกมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ อยากบอกว่ารักลูก ร้อยละ 55.46 รองลงมาคือ อยากบอกลูกว่าขอให้ลูกเป็นคนดี ร้อยละ 21.94 และอยากบอกลูกว่า ลูก คือ สิ่งที่สำคัญที่สุดของพ่อแม่ ร้อยละ 7.74
          หากพ่อลูกผูกพันสร้างสัมพันธ์กันมากขึ้น มีการสื่อสาร พูดบอกความรู้สึกของตัวเองอย่างแท้จริงได้ทุกวันไม่ใช่เฉพาะวันพ่อ เพื่อให้อีกฝ่ายหนึ่งทราบ ย่อมสร้างความเข้าใจ ความรัก ความผูกพัน ปรับเปลี่ยนสิ่งที่ทั้งลูกและพ่อเห็นว่าไม่ดีให้ผ่านพ้นไปกับปีเก่า และหันมาทำสิ่งดีๆให้กันในวันปีใหม่ พ่อ-ลูก ก็มีความสุข ครอบครัวย่อมมีความสุข
 pageview  1205081    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved