"อีโบลา" ไวรัสสายพันธุ์นรก ยังคงระบาดอย่างหนัก องค์การอนามัยโลกเผยยอดผู้ติดเชื้อทั่วโลกทะลุ 10,000 รายแล้ว และตัวเลขผู้เสียชีวิตก็เฉียด 5,000 ราย
ส่วนรัฐนิวยอร์กและรัฐนิวเจอร์ซีย์ของสหรัฐเริ่มใช้มาตรการคุมเข้มที่สนามบินแล้ว โดยจะกักตัวผู้โดยสารเที่ยวบินขาเข้าทุกคนที่ต้องสงสัยว่าสัมผัสกับผู้ป่วยอีโบลาในแอฟริกาตะวันตก อย่างน้อย 21 วัน จนกว่าจะมั่นใจว่าไม่เอาเชื้อมาแพร่ต่อ
สถานการณ์การระบาดของไวรัสสายพันธุ์นรก ยังคงเป็นภัยคุกคามต่อชาวโลกวันที่ 26 ต.ค.57 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) อัพเดตสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลาในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตกใหม่ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยระบุว่า จำนวนผู้ติดเชื้ออีโบลาทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็น 10,141 รายแล้ว ในจำนวนนี้เสียชีวิตไปแล้วถึง 4,922 ราย ทั้งนี้ ตามการเปิดเผยของฮู ผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในประเทศกินี, ไซบีเรีย และเซียร์ราลีตามการเปิดเผยของฮู ผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในประเทศกินี, ไซบีเรีย และเซียร์ราลีโอน โดยก่อนหน้านี้ฮู ระบุว่า ตัวเลขผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตที่แท้จริงในกินีอาจมากกว่าที่รายงานถึง 1.5 เท่า ที่เซียร์ราลีโอนอาจมากกว่าถึง 2 เท่า ส่วนไลบีเรียมากกว่าถึง 2.5 เท่า
สาเหตุที่ทำให้ตัวเลขผู้ป่วยในแอฟริกาตะวันตกน้อยกว่าความเป็นจริง เนื่องจากหลายครอบครัวเลือกที่จะซ่อนตัวผู้ป่วยอีโบลาเอาไว้ ไม่ยอมส่งตัวไปยังศูนย์กักโรคของโรคพยาบาล แต่บางส่วนก็ถูกโรงพยาบาลปฏิเสธไม่รับตัวเข้ารักษา เนื่องจากขาดแคลนเตียงและอุปกรณ์พื้นฐาน
ล่าสุด ฮูยังเตือนด้วยว่า ประเทศโกตดิวัวร์ (ไอวอรีโคสต์) กำลังเสี่ยงที่จะมีผู้ติดเชื้ออีโบลา เนื่องจากมีอาณาเขตติดต่อกับประเทศกินีและไลบีเรีย หากเกิดการระบาดของอีโบลาใน โกตดิวัวร์ ก็อาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ ของประเทศผู้ผลิตโกโก้รายใหญ่ที่สุดของโลกแห่งนี้
ส่วนประเทศมาลีกลายเป็นประเทศล่าสุดที่พบผู้ป่วยเสียชีวิตเพราะเชื้ออีโบลา หลังจากเด็กหญิงวัย 2 ขวบคนหนึ่ง เดินทางจากประเทศกินีเข้าสู่มาลีด้วยรถบัสสาธารณะ ทั้งที่เธอเริ่มแสดงอาการป่วยของโรคไข้เลือดออกอีโบลาแล้ว และเสียชีวิตลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า รัฐอิลลินอยส์ กำลังจะกลายเป็นรัฐที่ 3 ของสหรัฐ ต่อจากรัฐนิวยอร์กและรัฐนิวเจอร์ซีย์ ที่ประกาศใช้มาตรการกักตัวแยกเดี่ยวผู้โดยสารเครื่องบินขาเข้า ซึ่งต้องสงสัยว่าสัมผัสกับผู้ติดเชื้อไวรัสอีโบลา ในแอฟริกาตะวันตก เป็นเวลา 21 เครื่องบินขาเข้า ซึ่งต้องสงสัยว่าสัมผัสกับผู้ติดเชื้อไวรัสอีโบลา ในแอฟริกาตะวันตก เป็นเวลา 21 วัน ทันทีที่เดินทางมาถึง และมีผู้ถูกกักตัวตามมาตรการนี้แล้ว 1 คน
ภายใต้มาตรการดังกล่าว ซึ่งประกาศเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ผู้โดยสารเครื่องบินคนใดก็ตามที่เดินทางมาถึงท่าอากาศยานนานาชาติ จอห์น เอฟ. เคนเนดี หรือท่าอากาศยานนานาชาติ นิวอาร์ค ลิเบอร์ตี หลังจากสัมผัสกับผู้ป่วยอีโบลาในประเทศไลบีเรีย, เซียร์ราลีโอน หรือกินี จะถูกกักตัวเป็นเวลา 21 วัน ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ผู้ติดเชื้ออีโบลาจะเริ่มแสดงอาการป่วย
ผู้ถูกกักตัวตามมาตรการนี้รายแรกคือ คาซี ฮิกคอกซ์ นางพยาบาลชาวอเมริกัน ซึ่งเพิ่งเดินทางกลับมาจากการทำหน้าที่แพทย์การกุศล ให้กับองค์การแพทย์ไร้พรมแดน ในประเทศเซียร์ราลีโอน โดยเธอถูกกักตัวที่ท่าอากาศยานนานาชาติ นิวอาร์ค ลิเบอร์ตี หลังจากเดินทางมาถึงเมื่อวันศุกร์ จากนั้นเธอก็ถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลเพื่อแยกเดี่ยวในศูนย์กักโรค
นายแพต ควินน์ ผู้ว่าการรัฐอิลลินอยส์ ได้มีแถลงการณ์ว่า อิลลินอยส์จำเป็นต้องกักกันใครก็ตามที่สัมผัสกับผู้ป่วยอีโบลาโดยตรงในประเทศที่เกิดการระบาด แต่เขาไม่ระบุว่ามาตรการนี้จะบังคับใช้ที่ท่าอากาศยานนานาชาติ ชิคาโก โอ'แฮร์ หรือไม่