น.พ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนเหมาะกับการเจริญเติบโตของเชื้อโรค โดยเฉพาะเชื้อแบคทีเรียอาจทำให้เกิดการระบาดของโรคติดต่อทางอาหารและน้ำ ขอให้ประชาชนระมัดระวังความสะอาดของอาหารและน้ำดื่มเป็นพิเศษ เพื่อหลีกเลี่ยงจากโรคอาหารเป็นพิษ อุจจาระร่วง ระมัดระวังให้อาหารสะอาดปลอดภัยอยู่เสมอ ไม่ปรุงอาหารทิ้งไว้เป็นเวลานานก่อนนำไปให้ ผู้บริโภค โดยเฉพาะอาหารประเภทที่มีกะทิเป็นส่วนประกอบจะบูดหรือเน่าเสียง่ายกว่าปกติ อาหารประเภทยำ ลาบ ต้องปรุงให้สุกทั่วถึง ผู้ปรุงอาหารต้องรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคลให้ดี แต่งกายสะอาด รวบผม ล้างมือก่อนปรุงและหลังประกอบอาหารทุกครั้ง โดยเฉพาะต้องล้างมือทุกครั้งหลังเข้าห้องน้ำ ส่วนผู้เดินทางท่องเที่ยวหรือผู้บริโภคอาหารนั้น ถ้าจะแวะรับประทานอาหารขอให้เลือกร้านที่มั่นใจว่าสะอาด หรือมีเครื่องหมายรับรองความปลอดภัย สำหรับน้ำดื่มหรือน้ำแข็งควรมีเครื่องหมายรับรองคุณภาพจาก อย. รวมทั้งล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่ก่อนรับประทานอาหารและหลังเข้าห้องน้ำทุกครั้ง
น.พ.โสภณ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการเฝ้าระวังโรคอาหารเป็นพิษข้อมูลเฝ้าระวังโรคของสำนักระบาดวิทยา พบว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.57-7 เม.ย.57 พบผู้ป่วย 34,378 ราย จาก 77 จังหวัด คิดเป็นอัตราป่วย 54.12 ต่อแสนประชากร ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต กลุ่มอายุที่ป่วยมากที่สุด คือ คือ 45-54 ปี รองลงมา 15-24 ปี และอายุมากกว่า 65 ปี จังหวัดที่มีอัตราป่วยด้วยโรคอาหารเป็นพิษสูงสุด 5 อันดับแรก คือ อุดรธานี (183.24 ต่อแสนประชากร) รองลงมา คือ หนองบัวลำภู อุบลราชธานี ขอนแก่น และบุรีรัมย์ อย่างไรก็ตาม ประชาชนควรระมัดระวังความสะอาดของอาหาร 10 เมนูอันตรายท็อปฮิตหน้าร้อน ประกอบด้วย 1.ลาบ/ก้อยดิบ เช่น ลาบหมู ก้อยปลาดิบ 2.ยำกุ้งเต้น 3.ยำหอยแครง 4.ข้าวผัดโรยเนื้อปู โดยเฉพาะกรณีที่ทำในปริมาณมาก เช่น อาหารกล่องแจก 5.อาหาร/ขนมที่ราดด้วยกะทิสด 6.ขนมจีน 7.ข้าวมันไก่ 8. ส้มตำ 9.สลัดผัก 10.น้ำแข็ง นอกจากนี้ยังมีอาหารปิ้งย่าง ควรปิ้งให้สุกจะได้ปลอดภัยจากอาหารเป็นพิษ