โดย นพ.สุรพงศ์ อำพันวงษ์
เชื่อว่าหลายท่านคงรู้สึกเหมือนผม ว่าในขณะนี้อากาศบ้านเราเรียกว่าอยู่ในช่วง "ปลายฝนต้นหนาว" อย่างภาคเหนือตอนนี้อากาศก็เริ่มจะหนาวบ้างแล้ว แต่ขณะเดียวกันในกรุงเทพฯ รวมถึงอีกหลายพื้นที่ก็ยังมีฝนพรำอยู่ ดังนั้นในช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ เราจึงจำเป็นต้องเสริมสร้างภูมิต้านทานร่างกายให้แข็งแรงครับ
นอกจากการดูแลสุขภาพด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ ผ่อนคลายความเครียด ออกกำลังกาย และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์แล้ว วันนี้ผมจะมาแนะนำการดูแลสุขภาพด้วยสมุนไพรใกล้ตัวครับ ซึ่งตัวผมเองนั้นไม่ได้มีความเชี่ยวชาญในเรื่องนี้เท่าใดนัก ดังนั้นข้อมูลความรู้นี้ได้รับจากผู้เชี่ยวชาญด้านแพทย์แผนไทยประยุกต์ อ.ปรางทิพย์ อุตส่าห์ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร์ จ.ปราจีนบุรี
อ.ปรางทิพย์ ให้ข้อมูลว่า ร่างกายคนเราประกอบไปด้วยธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม และไฟ
ธาตุดิน คืออวัยวะส่วนต่างๆ ในร่างกาย ทั้งกล้ามเนื้อ กระดูก ตับ ม้าม ไต
ธาตุลม คือระบบต่างๆ ที่หมุนเวียนอยู่ในร่างกาย เช่น ลมหายใจเข้า-ออก
ธาตุน้ำ คือน้ำที่เป็นส่วนประกอบในร่างกาย ทั้งเสมหะ เลือด และน้ำเหลือง
ธาตุไฟ ก็คือความร้อนที่ทำให้ร่างกายเราเกิดความร้อน
"น้ำสมุนไพรแตกต่างจากน้ำเปล่าตรงที่มีทั้งความร้อนและความเย็นในตัว ดังนั้นเมื่อร่างกายเราเกิดความเจ็บป่วย น้ำเปล่าที่อยู่ในอุณหภูมิปกติอาจจะมีความเย็นหรือความร้อนที่จะไปปรับสมดุลร่างกายเราไม่เพียงพอ เราจึงจำเป็นต้องใช้น้ำสมุนไพรซึ่งมีความร้อนและความเย็นมากกว่าน้ำปกติ เข้าไปช่วยปรับสมดุลธาตุต่างๆ เหล่านี้ในร่างกาย"
ต้องบอกว่าความรู้เรื่องธาตุต่างๆ ในร่างกายนั้นเป็นความรู้ดั้งเดิมทั้งของไทย คลายกับความรู้เรื่องยินหยางของจีน และอายุรเวทของอินเดีย ซึ่งความรู้ทั้งหมดนี้เมื่อนำมาประยุกต์เทียบกับวิทยาศาสตร์ปัจจุบันแล้วมันมีความใกล้เคียงกันครับ เพราะฉะนั้นใครไม่รู้ลึกซึ้งก็จงอย่าลบหลู่ครับ
อ.ปรางทิพย์ อธิบายเพิ่มเติมว่า สมุนไพรมีทั้งชนิดฤทธิ์ร้อนและชนิดฤทธิ์เย็น ดังนั้นการนำมาใช้ประโยชน์ต้องพิจารณาในข้อนี้ด้วย ยกตัวอย่างสมุนไพรฤทธิ์เย็น หรือที่เรียกว่ายาเย็น ก็เช่น บัวบกและย่านาง ส่วนสมุนไพรที่กินเข้าไปแล้วทำให้ร่างกายรู้สึกร้อนนั้น เรียกว่ายาร้อน เช่น ขิง เป็นต้น สรรพคุณสมุนไพรและการเตรียมน้ำสมุนไพร 1.ขิง สมุนไพรฤทธิ์ร้อน ช่วยในการขับลม แก้อาการไอ และแก้เสมหะได้ ในฤดูหนาวขิงจะช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกาย เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการบำรุงสุขภาพในช่วยปลายฝนต้นหนาวแบบนี้
วิธีทำ น้ำขิง คือ หั่นขิงให้เป็นแว่นบางๆ แล้วใช้ขิง 7-8 แว่น ต้มในน้ำประมาณ 1 ลิตร ต้มให้เดือด ตั้งทิ้งไว้ 15 นาที ดื่มเป็นน้ำขิงอุ่นๆ ได้เลย หรืออาจะเติมน้ำตาลกรวดลงไปช่วยเพิ่มความหวานเล็กน้อยก็ได้
2.มะตูม มีฤทธิ์สุขุม คือไม่ร้อนและไม่เย็นมาก ดังนั้นแม้จะมีไข้ก็สามารถทานได้ เพราะมะตูมจะช่วยเรื่องอาการอ่อนเพลีย สามารถทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่
วิธีทำ น้ำมะตูม ก็คือ ใช้มะตูมแห้ง 3-4 แว่น ต้มกับน้ำ 1 ลิตร จะเติมหรือไม่เติมน้ำตาลก็ได้ เพราะมะตูมจะมีความหวานอยู่แล้ว หลังจากต้มจนเดือดแล้ว ทิ้งไว้ 15 นาที ดื่มแบบอุ่นๆ ได้เลย
3.ใบเตย มีฤทธิ์เย็น ทานเข้าไปจะรู้สึกชุ่มคอ แก้กระหายได้ มีคุณสมบัติในการบำรุงหัวใจ สามารถลดความดันโลหิตได้ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีปัญหาความดัน อ่อนเพลีย สรรพคุณของใบเตยทั้งต้นและราก จะช่วยในการขับปัสสาวะ ช่วยในเรื่องการนอนหลับได้ เพราะใบเตยมีกลิ่นหอม ซึ่งสามารถเตรียมดื่มได้ทั้งในรูปแบบน้ำใบเตยและน้ำชา
วิธีทำ เป็นชาก็ให้นำใบสดไปหั่นฝอยแล้วทำให้แห้ง เวลาจะดื่มก็ให้นำใบแห้งหั่นฝอยไปแช่ในน้ำอุ่น ทิ้งไว้ 3-5 นาที ก็ดื่มได้เลย