Follow us      
  
  

หนังสือพิมพ์แนวหน้า [ วันที่ 09/05/2561 ]
การรักษาโรคอ้วน...ด้วยการผ่าตัด

ผศ.(พิเศษ)ดร.อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์
          ประธานมูลนิธิคุณแม่คุณภาพ
          มีรายงานว่า ในปี 2557 เกี่ยวกับสถานการณ์โรคอ้วนในประเทศไทย บ่งชี้ว่าคนไทย 1 ใน 3 มีน้ำหนักที่เกินมาตรฐาน หรือเป็นโรคอ้วน โดยสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศอันดับที่ 2 ในภูมิภาค Southeast Asia ที่ประชากรมีปัญหาโรคอ้วน เป็นรองเพียงประเทศมาเลเซียเท่านั้น ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวน่าเป็นห่วงเป็นอย่างมาก ซึ่งโรคอ้วนนั้นเป็นโรคที่บั่นทอนสุขภาพของคนไทย เป็นสาเหตุของโรคต่างๆ ที่จะตามมาอีกมากมาย อาทิ ความดันโลหิตสูง โรคมะเร็ง โรคข้อเข่าเสื่อม โรคเบาหวาน เป็นต้น
          จากงานประชุมวิชาการ ครั้งที่ 29 ภาคประชาชน ของ โรงพยาบาลราชวิถี ได้มีการสัมมนาให้ความรู้แก่ประชาชนในหัวข้อต่างๆ ซึ่งมีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมงานครั้งนี้กว่า 3,000 คน พญ.โชติรส อังกุระวรานนท์นายแพทย์ชำนาญการ กลุ่มงานศัลยศาสตร์ โรงพยาบาลราชวิถี เปิดเผยว่าอุบัติการณ์โรคอ้วนในประเทศไทยปัจจุบัน มีตัวเลขที่ค่อนข้างสูงถึง 1 ใน 3 ของจำนวนประชากร โดยคนใน กทม. มีความเสี่ยงโรคอ้วนมากกว่าในต่างจังหวัด โดยสาเหตุหลักมาจากอาหารการกินและการใช้ชีวิต ทำงานหนักโดยขาดการออกกำลังกาย ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคอ้วน โดยโรคอ้วนนั้นส่งผลกระทบต่อระบบต่างๆ ในร่างกาย เป็นสาเหตุการณ์เกิดโรคต่างๆ อาทิ ความดันโลหิตสูง โรคมะเร็ง โรคข้อเข่าเสื่อม โรคเบาหวาน เป็นต้น
          ซึ่งการรักษาโรคอ้วนนั้นทำได้หลายวิธี โดยเบื้องต้นจะเริ่มจากการปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตของผู้ป่วย โดยการควบคุมอาหารและโภชนาการในแต่ละวัน ควบคู่กับการออกกำลังกาย ซึ่งหากการรักษาด้วยวิธีนี้ยังไม่เป็นที่พอใจ ก็จะมีการให้ยาเพื่อให้ได้ผลที่ดีขึ้น ซึ่งมีหลายกรณีอาจจะไม่สามารถรักษาได้ ซึ่งวิธีสุดท้ายก็คือการผ่าตัดเพื่อรักษานับว่าเป็นการรักษาโรคอ้วนที่ดีที่สุดซึ่งเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก
          โดยการผ่าตัดรักษาโรคอ้วนนั้น เป็นการผ่าตัดกระเพาะอาหาร ซึ่งวิธีที่นิยมมีอยู่ 2 วิธี
          1.การผ่าตัดเพื่อจำกัดพื้นที่กระเพาะ ซึ่งทำให้กระเพาะมีขนาดเล็กลง ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกอิ่มเร็วขึ้น
          2.การผ่าตัดเพื่อจำกัดพื้นที่กระเพาะและทำบายพาส เป็นการผ่าตัดแยกกระเพาะอาหารให้มีขนาดเล็กลง จากนั้นตัดแยกลำไส้เป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งมาต่อกับกระเพาะเพื่อบายพาสอาหาร
          ซึ่งการรักษาด้วยการผ่าตัดจะให้ผลในระยะแรกที่ดี สามารถลดภาวะโรคอ้วนได้ แต่ในระยะยาวขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองในการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งต้องดูแลและควบคุมการกินอาหาร ควบคู่กับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อผลที่ดีในระยะยาว และตลอดชีวิตของผู้ป่วย โดยหลังจากผ่าตัดแพทย์จะนัดดูอาการ ทุก 3-9 เดือน และหลังจากนั้นก็จะนัดเพื่อติดตามการรักษาทุกปี
          ทั้งนี้ โรงพยาบาลราชวิถีมีพื้นที่อำนวยความสะดวกค่อนข้างจำกัด จึงทำให้เกิดความแออัดที่ห้องตรวจอย่างมาก และขณะนี้โรงพยาบาลกำลังสร้างอาคารศูนย์การแพทย์ โรงพยาบาล เพื่อขยายพื้นที่ในการรองรับ และรักษาผู้ป่วย ที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ในอนาคตเมื่ออาคารศูนย์การแพทย์ โรงพยาบาล เสร็จก็จะสามารถเปิดรักษาผู้ป่วยได้มากขึ้น และลดระยะเวลาของการรอรับการรักษาของผู้ป่วยได้ ดังนั้น ขอเชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมแบ่งปัน น้ำใจสมทบทุนซื้อเครื่องมือแพทย์ผ่านมูลนิธิรพ.ราชวิถี บัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา รพ.ราชวิถี ประเภทบัญชี ออมทรัพย์ เลขที่บัญชี 051-2-16322-1 หรือสอบถาม รายละเอียดได้ที่โทร.02-3547997-9 หรือ http://www.rajavithihospitalfoundation.org
          ข้อมูลจาก อาจารย์ศัลยา คงสมบูรณ์เวช นักกำหนดอาหารวิชาชีพ ประเทศสหรัฐอเมริกา และกรรมการ มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ เปิดเผย ว่า สำหรับสาวๆ ที่อยากจะควบคุมน้ำหนักให้คงที่หรือลดน้ำหนักลงให้มีรูปร่างและสุขภาพที่ดี การเตรียมตัว และเตรียมใจเป็นหัวใจสำคัญโดยเฉพาะ เรื่องของอาหารการกิน ต้องปฏิวัติ การกินแบบตามใจปากให้ได้แผนที่จะช่วยให้ควบคุมน้ำหนักได้สำเร็จก็คือ
          กำหนดแผนการลดความอ้วน โดยสัปดาห์หนึ่ง ควรลดปริมาณพลังงานให้ได้ 3,500-7,000 แคลอรีต่อสัปดาห์หรือวันละประมาณ 500 แคลอรี เพราะการลดน้ำหนักที่ถูกต้องไม่ควรหักโหมมาก เพราะอาจจะเกิด ผลเสียต่อสุขภาพตามมาได้
          สร้างทัศนคติที่ว่า "เรากินอย่างไร ร่างกายเป็นอย่างนั้น" ให้เกิดกับตัวเอง
          ควรหัดดื่มน้ำก่อนกินข้าวเพื่อถ่วงกระเพาะ ไม่ว่าจะเป็นน้ำเปล่า หรือน้ำผลไม้ หรือกินเม็ดแมงลักควบคู่ไปด้วยก่อนกินข้าวสักครึ่งชั่วโมง เพื่อจะได้รู้สึกอิ่มและทำให้กินข้าวได้น้อยลง
          เตรียมภาชนะขนาดเล็กไว้เพื่อกินอาหาร เพื่อที่คุณจะได้ตักข้าวได้น้อยลง
          เพิ่มอาหารเผ็ดในมื้ออาหารเพราะรสชาติที่เผ็ดร้อนของพริกจะช่วยให้ร่างกายคุณเพิ่มการใช้พลังงานในการเผาผลาญ และยังทำให้คุณดื่มน้ำมากเป็นการลดแคลอรีทางหนึ่ง
          สั่งอาหารกับแกล้มแทนอาหารจานใหญ่ หากคุณต้องออกไปกินข้าวนอกบ้าน พยายามสั่งอาหารที่เป็นประเภทกับแกล้มมากิน ไม่ใช่อาหารจานใหญ่ เพราะมีแคลอรีน้อยกว่า แต่ต้องไม่ใช่อาหารประเภททอดเด็ดขาด
          หยุดทันทีที่อิ่ม เมื่อกินข้าวไปได้ครึ่งจานแล้วรู้สึกอิ่มให้หยุดกินทันที เพราะการกินอาหารด้วยความเสียดายทำให้น้ำหนักคุณเพิ่ม
          ลดปริมาณข้าวลงครึ่งหนึ่งของที่เคยตัก และพยายามนั่งกินให้ไกลจากหม้อข้าว และหม้อแกง เพื่อที่คุณจะได้ลำบากในการเดินไปตักใหม่หลายๆ รอบ
          เปลี่ยนนิสัยในการตักอาหารเข้าปาก ตักให้ช้าลงรวมถึงเคี้ยวให้ช้าลง และนานขึ้นด้วย เพื่อที่คุณจะได้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น
          เลือกกินซีเรียลชิ้นใหญ่ๆ เพราะมันจะทำให้คุณอิ่มเร็วขึ้น และหนักท้องกว่าซีเรียลชิ้นเล็กๆ
          เลือกนั่งกินเป็นที่ การนั่งกินที่โต๊ะอาหารนั้นดีที่สุด เพราะการเดินกินไม่เป็นที่ จะทำให้คุณกินมากแบบไม่รู้ตัว
          คิดสักนิดก่อนจะกินตามใจ เพราะการดูแลตนเองให้มีน้ำหนักให้เหมาะสมย่อมดีกว่าการมาผ่าตัดแก้ไขภายหลัง

 pageview  1204505    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved