ศาสตราจารย์นายแพทย์รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ภายหลังประชุมคณะกรรมการพัฒนาอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติ ครั้งที่ 1/2558 ในการประชุมครั้งนี้ ได้ติดตามความก้าวหน้าเรื่องแนวทางการกระจาย ถุงยางอนามัย การป้องกันการตั้งครรภ์วัยรุ่น การส่งเสริมการเกิด ที่มีคุณภาพ และติดตามความก้าวหน้าการขึ้นทะเบียนยายุติ การตั้งครรภ์ และยุทธศาสตร์ป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น ทั้งนี้เพื่อการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องในการป้องกันและ แก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นกระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมมือกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน และองค์กรเอกชน จัดทำยุทธศาสตร์ป้องกันและแก้ไขปัญหาการ ตั้งครรภ์ในวัยรุ่นแบบบูรณาการ พ.ศ.2558-2567 เพื่อลดปัญหาการตั้งครรภ์ให้เหลือครึ่งหนึ่ง ประกอบด้วย 6 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ 1.การเสริมสร้างทักษะชีวิตและเพศศึกษา รอบด้านแก่วัยรุ่น 2.การเสริมสร้างบทบาททางเพศ ครอบครัวและชุมชนร่วมป้องกันและแก้ไขปัญหา 3.จัดให้มีระบบบริการสุขภาวะทางเพศและอนามัยการเจริญพันธุ์ที่มีคุณภาพและเป็นมิตร 4.จัดให้มีระบบช่วยเหลือดูแลและบำบัดฟื้นฟู ให้สวัสดิการทางสังคมแก่วัยรุ่นที่ตั้งครรภ์และคลอดบุตร 5.มีการสื่อสารและส่งเสริมการสร้างภูมิคุ้มกันทางวัฒนธรรม ค่านิยม ทัศนคติที่เหมาะสม และ6.จัดกลไกเชื่อมประสาน ขับเคลื่อนนโยบาย กำกับ ติดตามเฝ้าระวัง ประเมินผล ระดับประเทศและพื้นที่ ซึ่งหากเสร็จสมบูรณ์จะนำเข้า ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาเด็กและ เยาวชน (กดยช.)เพื่อพิจารณาและเสนอเข้า คณะรัฐมนตรีต่อไป
สำหรับความก้าวหน้าการขึ้นทะเบียนยายุติ การตั้งครรภ์ ซึ่งองค์การอนามัยโลกได้อนุมัติให้ใช้ยา ยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ 2 ชนิด ได้แก่ ยามิฟิพริสโตน และยาไมโซโพรสตอล และ มีใช้ในต่างประเทศแล้ว ใช้ได้ผลมากกว่าร้อยละ 95 ซึ่งในประเทศไทยได้ทำการศึกษา พบว่า สามารถให้ ประสิทธิภาพ การตั้งครรภ์ได้มากกว่าร้อยละ 95 และได้ผลักดันการขึ้นทะเบียนยาโดยสำนักงาน คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ขึ้นทะเบียนเป็น ยาใหม่ เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2557 ที่ผ่านมา