ศาสตราจารย์นายแพทย์รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้สร้างระบบการเฝ้าระวังสุขภาพผู้ที่ทำงานสัมผัสแร่ใยหินหรือผู้ที่เคยทำงานในโรงงานที่ใช้แร่ใยหิน เนื่องจากแร่ใยหินจะไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพในทันที ส่วนโรคที่เกิดในระยะยาวในช่วง 10-20 ปี ได้แก่ พังผืดในปอด มะเร็งปอด มะเร็งเยื่อหุ้มปอด เป็นต้น และได้มีการพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ให้สามารถวินิจฉัยโรคที่เกิดจากแร่ใยหินให้มีความ แม่นยำมากขึ้น ถือเป็นกระบวนการที่สำคัญ และขณะเดียวกันจะให้ความรู้และประชาสัมพันธ์ เกี่ยวกับอันตรายของแร่ใยหินแก่ให้ประชาชน และคนในชุมชนได้ทราบด้วย
ในส่วนของระบบการเฝ้าระวัง ผู้ดูแลสุขภาพจะดำเนินการทั้งเชิงรับและเชิงรุก ควบคู่กันไป โดยการเฝ้าระวังเชิงรับได้ ให้โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ทั่วประเทศเฝ้าระวังผู้ที่เริ่มมีอาการเข้าข่าย ป่วยด้วยแร่ใยหิน เมื่อพบผู้ป่วยให้รายงานทันที พร้อมลงทะเบียนเพื่อติดตาม ในระยะยาว ไม่ให้หายไปจากระบบ โดยจะติดตามตรวจสุขภาพผู้ป่วยทุกปีทั้ง ผู้ป่วยใหม่และผู้ป่วยเก่าส่วนการเฝ้าระวังเชิงรุกจะเน้นการตรวจสุขภาพพนักงาน และสภาพแวดล้อมของสถานประกอบการ โดยเฝ้าระวังสถานประกอบการที่มีการใช้แร่ใยหินในกระบวนการผลิต ซึ่งเป็นระบบการเฝ้าระวังรูปแบบใหม่ ซึ่งขณะนี้มีความพร้อมแล้วโดยจะเริ่มนำร่องที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาและปทุมธานี
ข้อมูลจาก สำนักโรคจากการประกอบ อาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค ขณะนี้ประเทศไทยมีสถานประกอบการที่มีความเสี่ยงและอยู่ในการเฝ้าระวังของ กระทรวงสาธารณสุข จำนวน 16 โรงงาน มีพนักงานประมาณ 1,300 คน โดยการ เฝ้าระวังระบบสุขภาพของผู้ที่ทำงานสัมผัส กับแร่ใยหิน จะตรวจสุขภาพของพนักงาน ในสถานประกอบการทุกคน เอกซเรย์ปอด ตรวจการทำงานของปอด ตรวจสภาพแวดล้อม การทำงานในบริเวณสถานประกอบการ พร้อมปรับให้สภาพแวดล้อมอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมลดอันตรายต่อสุขภาพผู้ทำงานสัมผัสแร่ใยหินและการขึ้นทะเบียนเพื่อติดตามอย่างต่อเนื่อง