นายแพทย์โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวว่า วัณโรคยังคงเป็นปัญหาสำคัญของประเทศไทย โดยในปี 2555 คาดประมาณว่า มีผู้ป่วยวัณโรครายใหม่ในประเทศไทย 80,000 ราย (อัตราป่วย 119 ต่อแสนประชากร) นอกจากนี้ยังพบว่า อัตราป่วยของกลุ่ม ผู้สูงอายุมีมากกว่าคนทั่วไปประมาณ 4-5 เท่า ซึ่งการ ค้นหาผู้ป่วยวัณโรคในกลุ่มประชากรกลุ่มเสี่ยงและด้อยโอกาส ดังกล่าว จึงมีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งในการลด การแพร่กระจายเชื้อ เนื่องจากได้นำผู้ป่วยเข้าสู่ระบบ การรักษาและได้รับการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ซึ่งจะทำให้เกิดผลสำเร็จในการรักษาและลดปัญหาการดื้อยาวัณโรค การค้นหาผู้ป่วยวัณโรคเชิงรุก โดยการใช้รถเอกซเรย์เคลื่อนที่แบบดิจิตอล และการ คัดกรองประชากรกลุ่มเสี่ยงและด้อยโอกาสในกลุ่มเป้าหมาย เป็นกิจกรรมพื้นฐานที่มีความสำคัญที่จะช่วยค้นหาและ คัดกรองผู้ที่มีอาการสงสัยวัณโรคให้ได้เข้ารับการตรวจวินิจฉัย และรักษาได้ในระยะเริ่มแรก ซึ่งเป็นการตัดวงจรการแพร่ กระจายเชื้อและลดอัตราการเสียชีวิตจากการป่วยด้วยวัณโรค
นายแพทย์โสภณ กล่าวต่อว่า กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ในสมเด็จพระบรมราชชนก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ จึงได้จัดทำโครงการ "เฉลิมพระเกียรติ 86 พรรษา สืบสานพระเมตตาเพื่อค้นหาและรักษาผู้ป่วยวัณโรค" เพื่อค้นหาและตรวจคัดกรองวัณโรคในประชากรกลุ่มเสี่ยงและด้อยโอกาส ถวายเป็นพระราชกุศลในโอกาสพระชนมพรรษาครบ 86 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช ในการเฉลิมพระเกียรติ พระเมตตา และพระวิริยอุตสาหะ บำเพ็ญพระราชกรณียกิจ เพื่อประโยชน์สุขแก่ชาติ บ้านเมืองและพสกนิกร ในทุกด้าน รวมทั้งด้านสุขภาพอนามัยและงานป้องกันควบคุมวัณโรคและโรคปอด พระองค์ทรงมีพระกรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นหาที่สุดมิได้ สมควรที่เราชาวไทยทุกหมู่เหล่า น้อมรำลึกใน พระมหากรุณาธิคุณ พร้อมใจกัน แก้ไข ดูแลกำกับการรักษาผู้ป่วยวัณโรค อย่างจริงจัง ให้ประเทศชาติรอดพ้นจากภัยคุกคามจากวัณโรคที่เพิ่มขึ้นตลอดจนปัญหาสาธารณสุขต่างๆ ที่ซับซ้อนขึ้นในปัจจุบัน
"ประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่จะได้รับการตรวจคัดกรอง และรักษาวัณโรคฟรี โดยจะเน้นในประชากร 3 กลุ่ม ได้แก่ 1) พนักงานขับรถยนต์ขนส่งสาธารณะ รถแท็กซี่ รถตู้ขนส่งผู้โดยสาร จำนวน 500 คน 2) ผู้สูงอายุ คนไร้ที่พึ่ง ผู้ที่มีความบกพร่องทางจิตที่ถูกญาติทอดทิ้ง และคนพิการ 41 แห่ง จำนวน จำนวน 8,600 คน 3) ผู้ต้องขังในเรือนจำ 82 แห่ง จำนวน 225,818 คน ผู้ที่มีความสนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422