Follow us      
  
  

หนังสือพิมพ์แนวหน้า [ วันที่ 17/08/2564 ]
ขยายล็อกดาวน์จนถึง31ส.ค.ศบค.ไฟเขียวผ่อนคลายเปิดธนาคารในห้าง

 ยกระดับคุมโควิดสถานประกอบการใช้ATKตรวจหาเชื้อกทม.-ปริมณฑลซื้อไฟเซอร์อีก10ล.-ซิโนแวค12ล.โดส'ธรรมศาสตร์'นำเข้าวัคซีนโดยตรงติดเชื้อไม่ลดวันเดียว21,157ตาย182
          ที่ประชุม ศบค.มีมติคงมาตรการล็อกดาวน์ถึง 31 สิงหาคม พร้อมเพิ่มมาตรการจัดการองค์กร ให้ Work from Home ต่อเนื่อง ส่วนพนง. รัฐหรือเอกชนที่ต้องมาปฏิบัติงานให้ตรวจ ATK ทุกสัปดาห์ พร้อมให้สถานประกอบการ-องค์กร เตรียม Company Isolation สำหรับหน่วยงานที่มีพนักงานเกิน 50 คน ถ้าตรวจพบติดเชื้อให้ลงทะเบียนเข้าระบบรักษา HI และ CI ไฟเขียวเปิดธนาคารห้างฯได้เท่านั้น "ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า-ไอที-เบ็ดเตล็ด" รอไปก่อน ด้านตัวเลขติดเชื้อยังไม่ลด วันเดียวเพิ่ม 21,157 ราย สูสีกับยอดรักษาหายป่วย 20,984 ตาย อีก 182 ศพ สธ.ชี้กราฟเสียชีวิตทรงตัว ในรอบสัปดาห์ เตือนผู้ป่วยเข้าระบบรักษาตัวที่บ้าน
          เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงถึงข้อมูลสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทยในรอบ 24 ชั่วโมง ที่จำนวน ผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตยังไม่ลดลง ขณะเดียวกัน ศบค.ชุดใหญ่ประชุมพิจารณามาตรการ ล็อกดาวน์ เพื่อควบคุมการระบาด
          ติดเชื้อใหม่21,157หายป่วยสูสี20,493
          ไทยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 21,157 คน เป็นการติดเชื้อในประเทศ 20,493 ราย ในจำนวนนี้มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 16,863 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุก 3,630 ราย และมาจากเรือนจำ 658 ราย นอกจากนี้ เป็น ผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 6 ราย มาจาก อิสราเอล 1 ราย และกัมพูชา ผ่านพรมแดนทางบก 5 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสม 928,314 ราย หายป่วยเพิ่มเติม 20,984 ราย หายป่วยสะสม 709,646 ราย อยู่ระหว่างรักษา 210,934 ราย อาการหนัก 5,626 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 1,161 ราย
          ดับเพิ่ม182รายมีทารก7เดือนด้วย
          นอกจากนี้ มีรายงานผู้เสียชีวิต เพิ่มเติม 182 ราย เป็นชาย 104 ราย หญิง 78 ราย โดยจำนวนนี้มีทารก อายุ 7 เดือน ชาวเมียนมา ที่เป็นโรคธาลัสซีเมีย ทำให้ขณะนี้มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 7,734 ราย ส่วนยอดผู้ได้รับวัคซีนของประเทศไทย ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์-15 สิงหาคม มี 23,592,227 โดส
          ตายทรงตัว-64ศูนย์พักคอยเตียงว่าง4.5พัน
          นพ.ทวีศิลป์กล่าวต่อว่า หากเราดูผู้เสียชีวิตเป็นรายสัปดาห์จะเห็นว่า ขณะนี้ สถานการณ์ทรงตัว อยู่ที่ร้อยละ 0.86 ลดลงมาจากก่อนหน้านี้ที่อยู่ที่ 1.21 สิ่งที่เกิดขึ้น มีการวิเคราะห์หลายทฤษฎี ทั้งวัคซีนที่ฉีดไปเริ่มทำงาน หรือผู้ป่วยได้รับการรักษามากขึ้น จากการกระจายตัวไปจังหวัดต่างๆ เห็นได้จากตัวเลขว่ามีผู้เดินทางจาก กทม. และปริมณฑล กลับไปรักษาตัวที่ภูมิลำเนา โดยสัปดาห์ที่ผ่านมามีถึง 37,795 ราย โดยส่วนใหญ่อยู่ในภาคเหนือ และอีสาน ซึ่งเป็น การคืนชีวิตให้กลับผู้ติดเชื้อ ขณะที่การรักษาตัวใน กทม. ในศูนย์พักคอย ขณะนี้เปิดให้บริการ 64 แห่ง มีเตียงทั้งสิ้น 8,322 เตียง ใช้ไป 3,796 เตียง คงเหลือ 4,526 เตียง
          เตือนผู้ป่วยHIอย่ากักตัวทิพย์ต้องเข้ม
          ขณะที่การตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยชุดตรวจ ATK ใน กทม. เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ตรวจไป 1,810 ราย พบเป็น ผลบวก 222 ราย ส่วนใหญ่เข้าสู่ระบบรักษาตัว ที่บ้าน แต่มีข่าวในโซเชียลมีเดีย ว่ามีผู้ป่วยบางคนที่อยู่ในระบบรักษาตัวที่บ้าน เมื่อหมอ โทรศัพท์ไปหา ปรากฏว่าอยู่ในร้านสะดวกซื้อ จึงขอความร่วมมือว่าขอให้อยู่บ้าน 14 วัน อย่าออกไปไหน เนื่องจากท่านยังมีเชื้ออยู่ สามารถแพร่กระจายเชื้อได้ง่าย ตรงนี้ถือเป็นความรับผิดชอบในตัวท่านเองด้วย
          ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ฉลุยเงินสะพัด829ล้าน
          นพ.ทวีศิลป์ยังแถลงสรุปความคืบหน้าการดำเนินโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ว่า หลังดำเนินโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ตั้งแต่วันที่ 1-31 กรกฎาคมที่ผ่านมา พบมี นักท่องเที่ยวสะสม 14,055 คน พบว่ามีคนติดเชื้อทั้งคนไทยและต่างประเทศ 441 คน เป็นคนที่อยู่ประเทศไทย 409 คน มาจากต่างประเทศ 32 คน จาก 141 เที่ยวบิน เมื่อตรวจคัดกรองครั้งที่สอง 10,519 คน พบ 7 คน ตรวจครั้งที่สาม 6,804 คน พบ 3 คน และมีจำนวนคืนของผู้เข้าพัก 309,719 คืน และมีหลายสายการบินที่ร่วมมือ
          ทั้งนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวสะสม 14,055 คน พบว่าประเทศที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก มาจาก 1.สหรัฐฯ 1,802 คน 2.สหราชอาณาจักร 1,558 คน 3.อิสราเอล 1,455 คน 4.เยอรมนี 847 คน 5.ฝรั่งเศส 839 คน จำนวนคืนพัก 190,843 คืน ส่วนรายได้ ค่าที่พัก 282 ล้านบาท ค่าซื้อสินค้า และบริการท่องเที่ยว 194 ล้านบาท ค่าอาหาร ด้วยเครื่องดื่ม 175 ล้านบาท บริการทาง การแพทย์ 124 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายอื่น 54 ล้านบาท สร้างรายได้ทั้งหมด 829 ล้านบาท ค่าเฉลี่ยต่อทริป 58,982 บาท ดูแล้วเป็นข่าวดีในการทดลองประมาณ 1 เดือน
          ผลตรวจหาเชื้อเดือนครึ่งติดเชื้อต่ำ
          ทั้งนี้ รายจ่ายนักท่องเที่ยวมาภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ 829 ล้านบาท หมุนเวียนเป็นเงินที่ก่อให้เกิดรายได้ต่อระบบเศรษฐกิจ 1,925 ล้านบาท เป็นผลกระทบด้านเศรษฐกิจโดยรวมมูลค่าทางเศรษฐกิจโดยรวม 816 ล้านบาท เป็นผลตอบแทนการจ้างงาน 210 ล้านบาท ในจำนวนนี้จ้างงานคนให้ถึง 2,719 คน แล้วหมุนกลับมาเป็นภาษีให้กับรัฐได้ถึง 87 ล้านบาท นี่คือสิ่งที่คิดกันก่อนเดือนกรกฎาคมและขอบคุณกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และผู้มีส่วนร่วมทุกส่วนนี้คือผลที่ออกมาทางเศรษฐกิจ
          นพ.ทวีศิลป์กล่าวต่อว่า ขณะที่ ช่วงเวลา 1 กรกฎาคม - 14 สิงหาคม ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 20,727 คน ตรวจคัดกรองครั้งที่ 1 พบ ผู้ติดเชื้อ 27 คน ตรวจครั้งที่ 2 พบ 18 คน กลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 10 คน และตรวจครั้งที่ 3 พบ 2 คน รวมพบผู้ติดเชื้อ 57 คน ฉะนั้น 1 เดือนกับอีกครึ่งเดือนผลออกมาการติดเชื้อ ค่อนข้างต่ำ ซึ่งข้อมูลนี้จะนำมาหารือในบ่ายวันที่ 16 ส.ค. ด้วยเช่นกัน
          มติศบค.ขยายล็อกดาวน์ถึง31ส.ค.
          เวลา 13.30 น. วันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานประชุม ศบค. มีวาระการประชุมสำคัญคือ มาตรการล็อกดาวน์ ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม และครบกำหนด 14 วัน วันที่ 18 สิงหาคม จะขยายต่อไปจนถึงสิ้นเดือนสิงหาคมนี้หรือไม่ หลังประชุม นพ.ทวีศิลป์แถลงว่า การประเมินผลและปรับมาตรการป้องกันและควบคุมโควิด-19 ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้รายงานประเมินผลและการคาดการณ์ โดยดูจากกราฟเริ่มล็อกดาวน์เมื่อประมาณกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา นำมา พิจารณาเปรียบเทียบกับฉากทัศน์ที่คาดการณ์ โดยเส้นกราฟที่ป่วยสูงสุดกรณีไม่มีมาตรการใดๆ ผู้ป่วยอาจแตะถึง 6-7 หมื่นในเดือนกันยายน แต่กรณีใช้มาตรการล็อกดาวน์ Work from Home ปิดสถานที่เสี่ยง ลดค่าการระบาดได้ 20% หากมาตรการนี้ประกาศถึงวันที่ 31 สิงหาคม เส้นกราฟจะนิ่งและไปโด่งที่ปลายเดือนตุลาคมจนต่อพฤศจิกายน แต่หากมาตรการเข้มถึง 25% ก็จะกดความชันของกราฟลดลงไปได้ถึงปลายเดือนกันยายน แต่หากตุลาคมระบาด ก็อาจตัวเลขเพิ่ม ซึ่งปัจจุบันเราใช้ฉากทัศน์ที่ประกาศถึงสิ้นเดือนสิงหาคมนี้
          ย้ำใช้ATKตรวจเชื้อกทม.-ปริมณฑล
          "ที่ประชุมได้ประเมินผล โดยพิจารณาตัวเลข กทม.และชลบุรี จังหวัดพื้นที่แดงเข้มพบว่าหลังจากมีมาตรการเปรียบเทียบกับเดือนเมษายน ปี 2563 ที่มีล็อกดาวน์เช่นกัน จะเห็นว่าประชาชนให้ความร่วมมือและลดการเดินทาง ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น โดยที่ประชุมรับทราบ ข้อเสนอกระทรวงสาธารณสุข ดังนี้ 1.ให้คงระดับพื้นที่สถานการณ์ย่อยในพื้นที่ทั่วราชอาณาจักร และตามมาตรการเดิมตั้งแต่วันที่ 18-31 สิงหาคม หรือพูดง่ายให้ทำต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นเดือน" นพ.ทวีศิลป์ กล่าวและว่า ต้องเพิ่มมาตรการและการจัดการขององค์กร ดังนี้ 2.1.ดำเนินการมาตรการ Test-Trace-Isolation ต่อเนื่อง ได้แก่ เพิ่มการตรวจค้นหาผู้ติดเชื้อโดยใช้ชุดทดสอบแบบเร็ว ATK เน้นกทม.และปริมณฑล ขณะเดียวกันเตรียมทีม CCRT ให้เพียงพอ และจัดระบบนำเข้าสู่ HI และ CI หรือรพ. นอกจากนี้ ยังกำหนดมาตรการควบคุมโรคเฉพาะสถานที่ในพื้นที่สีแดงเข้ม ที่มีพนักงานเกิน 100 คน ต้องพิจารณาดำเนินการบับเบิลแอนด์ซีล เต็มรูปแบบ
          WFH ต่อเนื่อง-ตรวจ ATK ทุกสัปดาห์
          2.2 มาตรการองค์กร สำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ขอให้เน้น WFH ต่อเนื่อง และพนักงานรัฐ และเอกชน จำเป็นต้องมาปฏิบัติงาน ขอให้คัดกรองด้วย ATK ทุกสัปดาห์ เพื่อให้พร้อมก่อนคลายล็อกดาวน์ และเตรียม Company Isolation สำหรับหน่วยงานที่มีพนักงานเกิน 50 คน และเตรียม ความพร้อมบุคลากร ติดตามการคัดกรองด้วย ATK และลงทะเบียนเข้าสู่ระบบรักษา HI และ CI 2.3 มาตรการควบคุมโรคเฉพาะสถานที่ สำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุด และเข้มงวด ทั้งโรงงาน สถานประกอบการที่มีพนักงานเกิน 100 คน ตลาดให้คัดกรอง ATK ผู้ค้า แรงงานทุกสัปดาห์ 2.4 เร่งฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมกลุ่มเสี่ยง 608 อย่างน้อย 80% ใน กทม. อย่างน้อย 70% ใน 12 จังหวัด และอย่างน้อย 50% ในพื้นที่อื่น และเพิ่มอัตรา การหมุนเวียนการรับผู้ป่วยสีเหลือง สีแดง และเร่งจ่ายยาฟาวิพิราเวียร์
          ทำ Thai Covid Pass รับรองฉีดวัคซีน
          นพ.ทวีศิลป์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ประชาชน องค์กร สถานประกอบการต้องสามารถตรวจหาเชื้อโควิดได้ด้วยตัวเอง โดยรัฐควรสนับสนุนให้ใช้โดยไม่เป็นภาระประชาชน เช่น จำหน่ายราคาถูก จัดหาได้ง่าย และการดูแลรักษาที่รองรับเมื่อพบเชื้อ ย้ำให้ประชาชนป้องกันตัวเองทุกกรณี ให้ทุกคนปฏิบัติตามหลักการ Universal Prevention เรียกว่า ป้องกันทุกกรณี ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องจัดทำแนวทางดำเนินงาน ให้สอดคล้องกับข้อกำหนดเดิมที่มีอยู่ต่อไป รวมทั้งพิจารณาร่วมจัดทำ Thai Covid Pass ให้เป็นส่วนหนึ่งของการเตรียม ความพร้อมรองรับการเปิดประเทศ ต่อไปจะมีคำว่า Thai Covid Pass เป็นเอกสารรับรองว่า ฉีดวัคซีนแล้วจะไปที่ไหน อย่างไร จะเห็นภาพการใช้ประโยชน์จากการฉีดวัคซีน เช่น ไปร้านอาหารที่เป็นห้องแอร์ คนที่มีวัคซีนฉีดครบแล้วก็สามารถไปใช้บริการได้ ซึ่งทำกันหลายประเทศ
          ไฟเขียวเปิดธนาคารในห้างได้ถึง2ทุ่ม
          นพ.ทวีศิลป์กล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังปรับมาตรการจำหน่ายสินค้าจำเป็น กิจการจำเป็นในห้างสรรพสินค้า เพื่อกระจายช่องทางให้บริการและอำนวยความสะดวกประชาชนที่ขอเปิดกิจการธนาคารและสถาบันการเงิน โดยในพื้นที่ สีแดงเข้ม ให้ห้างสรรพสินค้าเปิดบริการได้เฉพาะร้านอาหาร เครื่องดื่ม เฉพาะรูปแบบ เดลิเวอรี ร้านขายของซูเปอร์มาร์เก็ต และธนาคาร สถาบัน การเงิน ได้ไม่เกินเวลา 20.00 น.
          ฉีดวัคซีน23.5ล้านโดส-ฉีดไขว้ภูมิพุ่ง4เท่า
          นพ.ทวีศิลป์ยังแถลงความคืบหน้าการฉีดวัคซีนโควิดถึงวันที่ 15 สิงหาคมว่า ฉีดไปแล้ว 23,592,227 โดส แบ่งเป็นเข็มแรก 17,996,826 คน ได้รับวัคซีนสองเข็ม 5,109,476 คน ในจำนวนนี้เป็น ผู้ได้รับวัคซีนไขว้เข็มคือ เข็มแรกเป็นซิโนแวค เข็มสองเป็นแอสตราเซเนกา 974,563 คน โดยไม่มีอาการไม่พึงประสงค์ และมีผู้ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นแอสตรา เซเนกาแล้ว 195,520 คน จากการสำรวจผู้ได้รับวัคซีนซิโนแวคสองเข็ม แอสตรา เซเนกาสองเข็ม และซิโนแวคไขว้แอสตราเซเนกาในจำนวนที่ใกล้เคียงกัน พบว่า ผู้ฉีดซิโนแวคสองเข็มมีภูมิคุ้มกัน 1,006 แอสตราเซเนกาสองเข็ม มีภูมิคุ้มกัน 1,207 และผู้ฉีดวัคซีนไขว้มีภูมิคุ้มกัน 3,962 ถือว่ามากกว่ากลุ่มอื่นๆ เกือบ 4 เท่า
          ศบค.ตั้งเป้าฉีดให้ได้10ล้านโดสเดือนก.ย.
          นอกจากนี้ ที่ประชุมวางเป้าหมายฉีดวัคซีนอย่างน้อย 10 ล้านโดส ในเดือนกันยายน โดยลำดับความสำคัญไปยัง ผู้สูงอายุ กลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์ เพื่อลดอัตราการเสียชีวิต ซึ่งเกณฑ์การจัดสรรวัคซีนเดือนกันยายน ผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มแรกต้องได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่สอง เพิ่มความครอบคลุมการได้รับวัคซีนในผู้สูงอายุให้ได้อย่างน้อย ร้อยละ 70 ในทุกจังหวัด กรณีหาวัคซีนได้น้อยกว่าเป้าจะจัดสรรลดลงตามสัดส่วนที่หาได้
          ซื้อไฟเซอร์อีก10ล้าน-ซิโนแวค12ล.โดส
          ขณะเดียวกัน ที่ประชุมยังเห็นชอบ การจัดหาวัคซีนเดือนสิงหาคม-กันยายนเพื่อนำมาใช้ในช่วงที่ระยะเวลาที่วัคซีนมีจำกัดเพิ่มเติม และเป็นไปตามเป้าหมายจัดหาวัคซีน 100 ล้านโดสในปี 2564 โดยจองซื้อวัคซีนจากบริษัทไฟเซอร์เพิ่มเติม 10 ล้านโดส ซึ่งผ่านความเห็นชอบของ ศบค.ไปแล้วเมื่อวันที่ 1 ส.ค. ให้องค์การเภสัชกรรม (อภ.) จัดหาวัคซีนซิโนแวคเพิ่มเติม 12 ล้านโดส และให้เจรจาหาซื้อวัคซีนอื่นเพิ่มเติมอีก 10 ล้านโดส ภายในปี 2564
          เรือปฏิบัติภารกิจปิโตรเลียมเข้าปท.ได้
          โฆษก ศบค.ยังแถลงด้วยว่า ประชุมเห็นชอบมาตรการควบคุมสำหรับการเดินทางเข้า-ออกทางน้ำ เฉพาะกรณีเรือที่ไม่มีสัญชาติไทย เพื่อปฏิบัติภารกิจเกี่ยวกับการปิโตรเลียม ภารกิจอื่นใดบนยานพาหนะ หรือสิ่งปลูกสร้างในทะเล โดยอนุญาตให้เฉพาะกรณีเรือที่ไม่มีสัญชาติไทย พร้อมเจ้าหน้าที่ประจำยานพาหนะเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรได้ เพื่อปฏิบัติภารกิจที่เกี่ยวกับการปิโตรเลียม หรือภารกิจอื่นใดบนยานพาหนะ หรือสิ่งปลูกสร้างในทะเล หรือภารกิจบนบก นอกจากนั้น ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกำหนดแนวปฏิบัติให้สอดคล้องกับการอนุมัติหลักการนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยศปก.ศบค.จะไปจัดทำคำสั่งศบค.เพื่อเรียน นายกรัฐมนตรี ในฐานะผอ.ศบค.ลงนาม เพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
          ประชุมสภาได้ถึงเที่ยงคืน
          ส่วนกรณีมีการเสนอขอผ่อนผันการประชุมร่วมรัฐสภา และขอผ่อนผันการเคลื่อนย้ายในห้วงเวลาการห้ามออกนอกเคหสถาน ที่กำลังจะประชุมเกิดขึ้นนั้น นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ที่ประชุม ศบค. เห็นชอบให้จัดประชุมดังกล่าวได้ อย่างไรก็ตาม หากประชุมถึงเที่ยงคืน ซึ่งในทางข้อกฎหมายระบุว่า การจัดประชุมร่วมรัฐสภา การประชุมสภาผู้แทนราษฎร การประชุมวุฒิสภา ถือเป็นกิจกรรมรวมกลุ่มที่จัดโดยหน่วยงานของรัฐโดยความเห็นชอบของหัวหน้าส่วนราชการ ซึ่งได้รับการยกเว้น ไม่ต้องขออนุญาต จากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามข้อ 5 (5) แห่งข้อกำหนด ที่ออกตามความในมาตรา 9 ของพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฉบับที่ 30 และสามารถเดินทางได้ในช่วงเคอร์ฟิว เพราะถือว่าเจ้าหน้าที่เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ ไม่ต้องขออนุญาตเดินทางในเวลาการห้ามออกนอกเคหสถาน ยกเว้นมาตรการคัดกรองเดินทาง ด่านสกัด หรือ ด่านชะลอที่บริเวณรอยต่อของจังหวัดในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
          อนุมัติแลกวัคซีนกับภูฏาน/รับยาจากเยอรมนี
          นพ.ทวีศิลป์ยังเปิดเผยถึงความร่วมมือการรับความช่วยเหลือด้านวัคซีนและสาธารณสุขจากต่างประเทศว่า ที่ประชุมศบค. อนุมัติขอค่าใช้จ่ายขนส่ง และภาษีนำเข้า ส่งออก ในการแลกวัคซีนแอสตราเซเนการะหว่างรัฐบาลภูฏานกับรัฐบาลไทย หรือการ swap วัคซีน ที่เมื่อได้มาแล้วต้อง ส่งคืนภายหลัง ประมาณ 1.3-1.5 แสนโดส ที่ประชุมศบค. ยังเห็นชอบ การรับบริจาคยา Monoclonal antiboby (Casirivimab/Imdevimab) จากกระทรวงสาธารณสุข ประเทศเยอรมนี 1,000-2,000 ชุด เป็นยารักษาในกลุ่มผู้ป่วยหนักมาก ช่วยลด จำนวนผู้ป่วยหนักและเสียชีวิตได้ถึงร้อยละ 50-70 โดยได้รับการขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการองค์การอาหาร และยา (อย.) แล้ว และจะเสนอครม. ต่อไป
          ตั้ง'อนุชา'หน.ศูนย์ฯวางกลยุทธ์สื่อสาร
          นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำ สำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุม ศบค.ผ่อนคลายกิจกรรมให้เปิดธนาคาร/สถาบันการเงินในห้างได้ เพิ่มการตรวจค้นหาผู้ติดเชื้อโดยใช้ ATK ใน กทม. และ ปริมณฑล เน้นรัฐ/เอกชนทำงานที่บ้าน WFH ยังคงห้ามออกนอกเคหสถาน 21.00-04.00 น. ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและ เข้มงวด 29 จังหวัดถึงสิ้นเดือนสิงหาคม  เห็นชอบตั้งศูนย์บริหารสื่อสารในภาวะวิกฤติ โดยมีนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าศูนย์ฯ  มีอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เป็นเลขานุการ มี นายเสรี วงษ์มณฑา และนายเกษมสันต์ วีระกุล เป็นบรรณาธิการบริหาร เพื่อวางกลยุทธ์สื่อสาร ศบค. เร่งสร้างการรับรู้และความเข้าใจกับประชาชนทุกช่องทาง ย้ำทุกหน่วยต้องแก้ข่าวบิดเบือน (Fake News) ให้ทันท่วงที
          นายกฯจี้คุมระบาดรับโควิดไทยวิกฤติ
          ทั้งนี้ นายกฯกล่าวในที่ประชุมว่า รัฐบาลและศบค.กำลังเร่งควบคุมการระบาด ไทยยังถือว่าอยู่ในภาวะวิกฤติมี ผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นของประชาชนให้ได้โดยเร็ว โดยเร่งแก้ปัญหาอุปสรรค เร่งจัดหาวัคซีน ปูพรมฉีดให้เร็วที่สุด ค้นหาผู้เสี่ยงติดเชื้อเชิงรุกและนำผู้ป่วยทุกคนเข้าระบบการรักษาให้เร็วที่สุด รวมถึงให้เข้าถึงยาให้ไวที่สุด สร้างสถานที่กักตัวให้เพียงพอทั้งประเภท Home Isolation (HI)  และ Community Isolation (CI) ให้เพียงพอทุกพื้นที่ รวมทั้งดูแลแรงงานและโรงงานในรูปแบบ Bubble and Seal ใช้ระบบแพทย์ทางไกล (Tele-Medicine) ในระบบ HI และ CI จัดระบบส่งยา รวมทั้งติดตามการใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ ฟ้าทะลายโจร และสูตรยาอื่น ทั้งของยาจากต่างประเทศ เช่น Remdesivir หรือ Oseltamivir หรือ Hydroxychloroquine เพื่อให้ ผู้ป่วยสีเหลืองและสีเขียวเข้าถึงยาได้ กว้างขวางที่สุด รวมทั้งให้ซื้อชุดตรวจ ATK โปร่งใส ชัดเจน ขณะเดียวกันต้องจัดการขยะติดเชื้อแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นทาง คือ ทิ้งขยะติดเชื้อถูกต้อง จัดเก็บ และปลายทาง คือ กระบวนการทำลายขยะติดเชื้อ
          ทอ.ยันบุคลากรแพทย์2พันคนได้ฉีดไฟเซอร์
          ที่รพ.ภูมิพลอดุลยเดช พลอากาศโท ธนวิตต สกุลแสงประภา เจ้ากรมแพทย์ ทหารอากาศ แถลงชี้แจงกรณีมีตัวแทนบุคลากรด่านหน้าทางการแพทย์ รพ.ภูมิพลอดุลยเดชออกมาร้องเรียนพร้อมเปิดเผยว่าพบข้อพิรุธในการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ของโรงพยาบาล โดยมีรายชื่อ ผู้ได้รับวัคซีนไฟเซอร์ของรพ.ที่ไม่ได้เป็นบุคลากรด่านหน้าที่เป็นแพทย์ และพยาบาลได้ฉีดด้วยว่า ตนในฐานะตัวแทนกรมการแพทย์ทหารอากาศต้องขออภัย และขอรับความผิดชอบในความบกพร่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ระหว่างผู้บริหาร และบุคลากรแพทย์ด่านหน้า จนทำให้เกิดความไม่พอใจ ทั้งนี้ ยืนยันและขอให้ ความมั่นใจกับบุคลากรด่านหน้าของรพ.ว่า ภายในสัปดาห์นี้จะได้รับวัคซีน ไฟเซอร์เข็มที่สาม 100% จากที่ได้รับจัดสรรมาจากกรมควบคุมโรค 3,700 เข็ม เรามีบุคลากรอยู่ประมาณ 2,000 กว่าคน ส่วนวัคซีนที่เหลือจะนำไปฉีดให้บุคลากรด่านสองและด่านสามของรพ.ต่อไป
          โต้วีไอพีโทรขอวัคซีน-อย่าโยงการเมือง
          "เรื่องวัคซีนในฐานะผมเป็น ผู้บังคับบัญชาต้องดูแลลูกน้อง หากลูกน้อง ยังไม่ได้รับ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะนำวัคซีนตรงนี้ไปฉีดให้กลุ่มวีไอพี ถ้ามีคนไปทำแบบนั้น ก็คงโง่เต็มทน และไม่มีเหตุผลที่เราต้องไปให้วัคซีนคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ที่ผ่านมาไม่มีผู้ใหญ่ในกองทัพอากาศโทรศัพท์มาขอวัคซีนไฟเซอร์ แต่เมื่อมีเรื่องที่ไม่เข้าใจเผยแพร่ไปในโซเชียลทำให้ชื่อเสียงมัวหมอง ข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่ใส่กันเต็มเหนี่ยว ทำให้เราเสียใจ เพราะองค์กรของเรามีบุคลากรที่ดีทำงานให้กับองค์กร อย่างไรก็ตาม ผมไม่อยากให้โยงเป็นเรื่องวัคซีนทางการเมือง เพื่อไปกระทบกับรัฐบาล จากนี้ไปเราจะไปปรับปรุงเรื่องระบบและการสื่อสารภายในองค์กรของเราให้ดีขึ้น สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น ได้ชี้แจงทำความเข้าใจกันไปแล้ว" พลอากาศโทธนวิตต กล่าว และยืนยันไม่ได้มีการคาดโทษทางวินัยอย่างที่โซเชียล นำไปเผยแพร่แต่อย่างใด
          ย้ำจัดสรรโปร่งใสฉีดตามความเสี่ยง
          ขณะที่พลอากาศตรีหญิงอิศรญา สุขเจริญ ผอ.รพ.ภูมิพลอดุลยเดช กล่าวยืนยันเช่นกันว่า ลำดับการจัดสรรวัคซีนให้บุคลากรแพทย์ของรพ.ภูมิพลฯโปร่งใส จะนำไปฉีดให้ผู้ที่ได้รับวัคซีนซิโนแวคครบ สองเข็มแล้ว เพื่อได้รับไฟเซอร์เป็นเข็มสาม ทั้งนี้ ได้จำแนกกลุ่มบุคลากรแพทย์ตามลำดับความเสี่ยง ใครดูแลผู้ป่วยใกล้ชิดได้ฉีดก่อน เช่น เจ้าหน้าที่ห้องไอซียู  ห้องตรวจระบบทางเดินหายใจ เจ้าหน้าที่เปล เจ้าหน้าที่จุดคัดกรองและเจ้าหน้าที่ธุรการ ครอบคลุมทั้งหมด  ส่วนรายชื่อที่ซ้ำซ้อนและหลุดออกไปทางโซเชียลมีเดียนั้นเป็นรายชื่อที่ยังไม่ได้รับการตรวจสอบ ต้องไปดูว่าข้อมูลเหล่านี้หลุดออกไปได้อย่างไร ขอให้มั่นใจว่าภายใน 3 วันนี้ จะฉีด ไฟเซอร์ให้บุคลากรแพทย์ด่านหน้าครบทุกคนแน่นอน
          มติสภามธ.ไฟเขียวนำเข้าวัคซีนโควิด
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอานนท์ มาเม้า ผู้ช่วยอธิการบดี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(มธ.)โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ค Arnon Mamout ระบุถึงมติที่สภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีมติให้ออกข้อบังคับ เรื่อง การจัดการบริการทางการแพทย์และการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระบุว่า
          "วันนี้สภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีมติโดยเอกฉันท์ให้ออกข้อบังคับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ว่าด้วยการจัดการบริการทางการแพทย์และการสาธารณสุขในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2564 เพื่อประกาศภารกิจและอำนาจหน้าที่ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เกี่ยวกับการให้บริการทางการแพทย์และการสาธารณสุขในสถานการณ์โควิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การดำเนินการทั้งในประเทศและต่างประเทศเกี่ยวกับการจัดหา นำเข้า หรือขึ้นทะเบียนบรรดา สิ่งจำเป็นทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นยา วัคซีน เวชภัณฑ์ เป็นการประกาศในทำนองเดียวกับราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ครับ เชื่อว่า ข้อบังคับนี้จะเป็นหมุดหมายที่ชัดเจนว่า มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ขอประกาศตัวเคียงข้างประชาชนในการฝ่าฟันสถานการณ์โรคระบาดร้ายแรงนี้ ด้วย พละกำลังที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้มีครับ"

 pageview  1205465    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved