รายงานล่าสุดชี้ให้เห็นว่า คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ได้รับอิทธิพลการดื่มแอลกอฮอล์มาจากพ่อแม่ ดังนั้น การไม่ดื่มของมึนเมาต่อหน้าลูกๆ ที่ยังเล็ก หรือเก็บเครื่องดื่มเหล่านี้ออกจากบ้าน เป็นเรื่องที่หลายคนไม่ควรมองข้าม
          จากการวิจัยของสถาบันวิจัยแอลกอฮอล์พบว่า ขณะที่คุณกำลังดื่มไวน์อย่างเพลิดเพลินเมื่ออยู่บ้าน ก็ไม่ควรให้ลูกๆ เห็น และยิ่งคุณดื่มต่อหน้าเด็กๆ มากเท่าไร และไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มมึนเมาชนิดไหนก็ตาม ที่คุณยกกระดกเนื่องจากความเครียด หรือฉลองความสำเร็จก็ตามที สามารถกระตุ้นให้เด็กวัยรุ่นหรือลูกๆ ของคุณ ติดแอลกอฮอล์เมื่อโตขึ้น
          ศาสตราจารย์ไลอัน โดนัลสัน หัวหน้าเจ้าหน้าที่การแพทย์ เตือนว่า "สำหรับผู้ปกครองที่เห็นดีเห็นงาม เพราะคิดว่าการที่เด็กวัยรุ่นดื่มสุราไม่ใช่สิ่งร้ายแรง กรมอนามัยได้ออกมาเตือนเด็กๆ ว่า พวกเขาไม่ควรดื่มน้ำเมาไปถึงอายุ 18 ปี ซึ่งหลังจากนั้นก็สามารถดื่มได้เพียง 1 แก้ว นั่นเป็นเพราะว่าการปล่อยปละละเลยให้เด็กวัยรุ่นดื่มแอลกอฮอล์ เป็นปัจจัยกระตุ้นนักดื่มหน้าใหม่ ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญของการติดเหล้าของประชากรอังกฤษ"
          สำหรับการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ จากการศึกษาของรัฐบาลเมืองผู้ดีระบุว่า "ปัญหาการติดสุราของเด็กยุคใหม่ วิเคราะห์จากผู้ปกครองที่ดื่มแอลกอฮอล์ต่อหน้าลูกๆ ทั้งนี้พ่อแม่มักคิดไปว่าลูกไม่ได้ให้ความสนใจ ขณะที่พวกเขากำลังซดเครื่องดื่มมึนเมา แต่อันที่จริงแล้วพฤติกรรมที่เกิดขึ้นทำให้เด็กซึมซับโดยไม่รู้ตัว และจากการตอบคำถามของผู้ปกครองนักดื่ม ก็พบว่ากว่าครั้งชินกับการดื่มต่อหน้าลูก และขณะที่อีก 1 ใน 3 คน ยอมรับเมาต่อหน้าเด็กๆ บ่อยๆ"
          ที่น่าตกใจจากผลการสำรวจระบุว่า "เด็กรับรู้ได้ถึงระดับการเมาของพ่อแม่ ว่าเกิดจากฉลองหรือเพราะจากความเครียด ซึ่งเด็ก 1 ใน 5 คนนั้น เผยว่าพวกเขารู้สึกอาย เมื่อเห็นผู้ปกครองดื่มสังสรรค์กับเพื่อนๆ ทั้งนี้ยังบอกว่าก่อนเข้านอน พวกเขาทะเลาะกันรุนแรงขึ้น"
          หากพ่อแม่อยากให้เด็กเติบโต มาจากการเลี้ยงดูที่อบอุ่น สามารถปกป้องบุตรหลานให้ห่างไกลจากการติดสุราได้ขณะที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ แม้ว่าผู้ปกครองเองจะดื่มเป็นครั้งคราวต่อหน้าลูกก็ตาม ทั้งนี้ ข้อมูลจากรายงานได้ระบุไว้ว่า "ทางที่ดีผู้ปกครองไม่ควรชักชวนให้ลูกๆ ดื่มสุรา แต่ให้บอกกับเด็กว่าการซดเหล้าในระหว่างการสนทนาหรือพูดคุย เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพ นอกจากนี้ต้องบอกข้อเสียของเครื่องดื่มมึนเมาว่า อาจเกิดอาการเมาค้าง ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการปวดในวันรุ่งขึ้นได้"
          ด้าน ศ.อินบรูคส์ โรสโรพ จากสถาบันวิจัยแอลกอฮอล์และยาเสพติด จากประเทศนอร์เวย์ ผู้เขียนบทวิจารณ์เกี่ยวกับการดื่มของผู้ปกครอง ไม่มีเหตุผลมากพอที่จะทำให้เด็กวัยรุ่นติดสุรา เมื่อ 3 ปีที่แล้วระบุว่า "งานวิจัยที่เกี่ยวกับการดื่มสุราของวัยทีน ที่มาจากการเลี้ยงดูของพ่อแม่คอทองแดง ค่อนข้างมีน้ำหนักที่เป็นไปได้น้อยมาก ซึ่งปัจจัยหลักน่าจะมาจากนักการตลาดเครื่องดื่มมึนเมาต่างหาก ที่ใช้กลยุทธ์ต่างๆ เพื่อกระตุ้นการดื่ม รวมถึงยีนในร่างกาย ที่ทำให้คุณดื่มสุรามากขึ้น เนื่องจากเป็นกลไกที่ควบคุมการดื่มอยู่ภายใน แต่การที่พ่อแม่ดื่มต่อหน้าลูกๆ น่าจะทำให้เด็กรู้สึกว่าตัวเองไม่ปลอดภัยมากกว่า โดยเฉพาะการดื่มแล้วขับ เป็นต้น".