Follow us      
  
  

ไทยโพสต์ [ วันที่ 12/07/2560 ]
แพทย์เตือนคนไทย60%ทาครีมกันแดดไม่ถูกวิธี!

 ปันปั่น โครงการจักรยานสาธารณะโดยกรุงเทพมหานคร ร่วมกับ มูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี และชมรมคนต่อสู้โรคเอสแอลอี จัดกิจกรรมปั่นจักรยานเพื่อการกุศล "ปันน้ำใจให้น้องครั้งที่ 4" ซึ่งเป็นกิจกรรมปั่นจักรยานเพื่อไปทำบุญบริจาคเงินและสิ่งของช่วยเหลือกองทุนผู้ป่วยโรคแพ้ภูมิตนเอง มูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก โดยในงานนอกจากจะมีการปั่นจักรยานแล้ว ยังมีการเสวนาในหัวข้อ "แดดจ๋า อย่ารังแกหนู หนูเป็นโรคเอสแอลอี" โดย นพ.กันย์ พงษ์สามารถ กุมารแพทย์โรคข้อและรูมาติสซั่ม สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี และ พญ.ปิยอร หัสดินทร ณ อยุธยา แพทย์ผิวหนัง กองแพทย์หลวง สำนักพระราชวัง
          นพ.กันย์เปิดเผยว่า ผู้ป่วยเอสแอลอีกับนักปั่นจักรยานมีปัจจัยเสี่ยงร่วมกัน คือ เรื่องของการถูกแสงแดดและรังสีอัลตราไวโอเลต ซึ่งในคนที่ไม่มีโรคนั้นนอกจากจะทำให้ผิวไหม้เกรียม หรือเกิดริ้วรอยก่อนวัยแล้ว ยังอาจเพิ่มปัจจัยเสี่ยงในการเกิดมะเร็งผิวหนังได้อีกด้วย ส่วนในผู้ป่วยโรคเอสแอลอี กลไกการกำจัดเซลล์ผิวหนังที่ตายทำงานได้เชื่องช้ากว่าคนทั่วไป ทำให้โปรตีนในนิวเคลียสที่ตกค้างอยู่กระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันแอคทีฟได้ และนอกจากนี้ผู้ป่วยเอสแอลอีมักได้รับยาสเตียรอยด์ซึ่งทำให้ผิวหนังเปราะบางมากขึ้นด้วย จึงทำให้ผู้ป่วยเอสแอลอีมีความไวต่อแสงมากกว่าคนทั่วไป หากโดนแสงแดด โดยเฉพาะอย่างยิ่งรังสีอัลตราไวโอเลต จะไม่เพียงแต่ทำให้เกิดผื่นแพ้แสง แต่อาจทำให้โรคกำเริบรุนแรงได้อีกด้วย
          ทั้งนี้ การทาครีมกันแดดอย่างถูกต้องจะช่วยป้องกันได้มาก แต่ครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพสูงและปลอดภัยต่อผิวที่เปราะบางมักมีราคาแพง ทำให้ผู้ป่วยที่มีฐานะไม่ดีไม่สามารถเข้าถึงได้ ในหน้าร้อนของทุกๆ ปีจะต้องมีผู้ป่วยเอสแอลอีเกิดโรคกำเริบขึ้น อันที่จริงประเทศไทยเราอยู่ในโซนสีม่วงที่ค่าดัชนีความเข้มของรังสียูวีสูงกว่า 11 ตลอดทั้งปี จึงมีความจำเป็นที่ผู้ป่วยเหล่านี้จะต้องใช้ครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ ครีมกันแดดที่อาจถูกมองว่าเป็นเวชสำอางสำหรับคนทั่วไป แต่สำหรับคนไข้เอสแอลอีมันคือการป้องกันโรคกำเริบ ทางมูลนิธิโรงพยาบาลเด็กจัดกิจกรรมระดมทุนเพื่อหาครีมกันแดดให้กับผู้ป่วยเหล่านี้ทุกปี ตนจึงอยากให้คนไข้เหล่านี้สามารถรับครีมกันแดดจากระบบประกันสุขภาพของรัฐได้
          ด้าน พญ.ปิยอรกล่าวว่า วิธีเลือกครีมกันแดดคือ ให้ดูที่ค่า SPF (Sun Protection Factor) หรือค่าความสามารถในการป้องกันรังสี UVB ส่วน UVA ให้ดูที่ค่า PA โดยสำหรับผู้ป่วยเอสแอลอีจะแนะนำค่า SPF 50 และค่า PA+++ ขึ้นไป โดยครีมกันแดดอาจแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ ครีมกันแดดชนิดกายภาพ (Physical sunscreen) หรือแบบสะท้อนแสง จะไม่ซึมเข้าสู่ผิวหนัง เวลารังสียูวีมา กระทบก็จะสะท้อนกลับไป ข้อดีคือ เหมาะกับคนที่ผิวแพ้ง่าย ผิวเด็ก แต่จะวอก ดูไม่เป็นธรรมชาติ และหลุดเร็ว อาจต้องทาบ่อยๆ อีกประเภทหนึ่งคือ ครีมกันแดดชนิดเคมี (Chemical sunscreen) จะซึมเข้าสู่ผิว และดูดซับแสงเปลี่ยนเป็นพลังงานอย่างอื่น ป้องกันไม่ให้แสงผ่านลงในชั้นผิวหนังได้ ผลิตภัณท์กันแดดหลายชนิดในท้องตลาดจึงมีทั้งสองอย่างผสมกันมากกว่าประเภทละ 2 ตัวขึ้นไป สำหรับสารเคมีที่อาจทำให้เกิดการแพ้ได้ง่ายก็ควรจะหลีกเลี่ยง เช่น ผลิตภัณท์ที่มีสารพาราเบนเป็นส่วนผสม จากนั้นต้องดูว่าเป็นครีมกันน้ำ เมื่อเหงื่อออกจะได้ไม่หายไป นอกจากนี้อาจใช้อุปกรณ์อย่างอื่นช่วย เช่น กางร่ม ใส่หมวก หรือใส่เสื้อแขนยาว
          ทุกวันนี้คนประมาณ 60% ใช้ครีมกันแดดไม่ถูกต้อง ทำให้ไม่ได้ประสิทธิภาพเท่ากับที่ระบุไว้ การทาในปริมาณที่ถูกต้องคือประมาณ 2 มิลลิกรัมต่อเนื้อที่ผิวหนัง 1 ตารางเซนติเมตร เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพตามที่เขียนไว้ที่ผลิตภัณฑ์ ซึ่งอาจคำนวณง่ายๆ โดยใช้หน่วยข้อนิ้วมือ ดังแสดงในแผนภูมิ
          ส่วน พญ.พรเพ็ญ อัครวัชรางกูร แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรศาสตร์โรคข้อและรูมาติซั่ม โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา สภากาชาดไทย กล่าวว่า สำหรับคนทั่วไปครีมกันแดดอาจจะถูกใช้เพื่อความสวยงาม แต่สำหรับผู้ป่วยโรคเอสแอลอี มันคือชีวิต และแดดในเมืองไทยก็แรงมาก ทำให้คนที่มีแนวโน้มจะเป็นโรคเอสแอลอีอยู่แล้วถูกกระตุ้นให้เป็นเร็วมากขึ้น
          "เวลาที่เด็กๆ โรคกำเริบอาจจะต้องได้ยาขนานสูง บางคนได้สเตียรอยด์ หรือแรงกว่านั้น ทำให้มีผลกระทบหลายอย่าง เช่น ประจำเดือนไม่มา กระดูกพรุน หรือมีปัญหาเรื่องความสูงและความสมบูรณ์ของร่างกาย ดังนั้นตรงนี้จึงสำคัญมาก หากยากันแดดสามารถเบิกได้ในคนไข้ที่จำเป็นจะต้องใช้ เช่น ผู้ป่วยโรคเอสแอลอี ถ้าเขาได้รับตรงนี้มันจะเท่ากับเปลี่ยนคุณภาพชีวิตของเขาได้เลย"
          สำหรับ ผู้ที่สนใจบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือ กองทุนผู้ป่วยโรคแพ้ภูมิตนเอง มูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก สามารถบริจาคได้โดยตรงที่อาคารนริศรา สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี หรือโอนเงินเข้าธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา รพ.ราชวิถี ชื่อบัญชี "สมทบทุนมูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก" เลขที่บัญชี  051-2-09873-5 โดยระบุชื่อกองทุนโรคแพ้ภูมิตนเอง หรือรหัสกองทุน A-019.

 pageview  1205126    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved