จากหลักฐานการศึกษาทั้งในประเทศที่พัฒนาและกำลังพัฒนา ระบุว่า ทารกที่กินนมแม่จะเสี่ยงต่อการเจ็บป่วย หรือพบอาการท้องเสียปอดบวม หูชั้นกลางอับเสบ เยื่อหุ้มสมองอับเสบทางเดินปัสสาวะอักเสบ รวมทั้งเสียชีวิตน้อยกว่าทารกที่กินนมผสมหรือที่ไม่เคยได้รับนมแม่เลยยิ่งถ้าได้รับ "หัวน้ำนม" (Colostrums) ยิ่งทำให้ทารกได้รับภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติในปริมาณสูงช่วยลดโอกาสติดเชื้อในช่วงแรกเกิดและช่วยทำให้ระบบเซลล์ของลูกมีความสมบูรณ์เร็วขึ้นด้วย
          นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า นมแม่นับเป็นสุดยอดของสารอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารกเนื่องจากมีส่วนประกอบต่างๆ ที่มีประโยชน์และคุณค่าจำเพาะด้านสารอาหารที่ไม่มีนมชนิดใดสามารถเทียบเคียงได้ และจากงานวิจัยพบว่าท่ารกที่กินน้ำนมแม่จะมีความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยชนิดที่ต้องนอนโรงพยาบาลจากโรคติดเชื้อ เช่นทางเดินหายใจ ท้องเสีย น้อยกว่าทารกกินนมผสมหรือที่ไม่เคยได้รับนมแม่เลยถึง 2 เท่า รวมทั้งจะมีพัฒนาการด้านอารมณ์ดีกว่า เนื่องจากจะได้รับการตอบสนองที่นุ่มนวล อ่อนโยน และใกล้ชิดกับแม่ในทุกครั้งที่เด็กกินนมแม่ เด็กจึงมีโอกาสพัฒนาด้านอารมณ์ได้ดี
          สำหรับในปี 2556 นี้ นอกจากกระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายสำคัญในการส่งเสริมเลี้ยงลูกด้วยนมแม่แล้ว ยังได้ส่งเสริมการฝากท้องทุกที่ฟรีทุกสิทธิ์ในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขด้วยบัตรสุขภาพแม่และเด็ก เพื่อส่งเสริมการฝากท้องเร็ว สร้างความเท่าเทียมในการเข้ารับบริการให้กับหญิงตั้งครรภ์โดยรับบัตรสุขภาพแม่และเด็กซึ่งจะบรรลุข้อมูลสุขภาพอย่างครอบคลุมทุกด้านของทารกตั้งแต่คลอดจนถึงอายุ 5 ปี เมื่อแม่มาฝากครรภ์กับโรงพยาบาลจะได้รับบัตรสุขภาพแม่และเด็กที่บรรจุข้อมูลสุขภาพอย่างครอบคลุมทุกด้านเริ่มตั้งแต่ตั้งครรภ์ การคลอดการดูแลหลังคลอด การดูแลและส่งเสริมเด็กซึ่งประกอบด้วย ข้อมูลการเจริญเติบโตของเด็กข้อมูลพัฒนาการเด็ก ข้อมูลการได้รับวัคซีน ข้อมูลการเจ็บป่วย ฯลฯ ซึ่งจำทำให้เกิดระบบการติดตามและเฝ้าระวัง คัดกรองและส่งเสริมให้เด็กทุกคนเติบโตอย่างเต็มศักยภาพ มีพัฒนาการสมวัยทั้งด้านร่างกายและจิตใจ
          ด้าน นายแพทย์เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมอนามัยได้ดำเนินงานส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างต่อเนื่องตั้งแต่การจัดตั้งโรงพยาบาลสายสัมพันธ์แม่-ลูก โรงพยาบาลสายใยรักแห่งครอบครัว จนถึงการสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในระดับตำบลอย่างเป็นระบบ สอดคล้องกับองค์การอนามัยโลกและองค์การยูนิเซฟที่ได้แนะนำให้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ควบคู่กับอาหารตามวัยจนลูกอายุ 2 ปีหรือมากกว่านั้น
          นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับลูก เพราะมีสารอาหารกว่า 200 ชนิด ที่ให้ทั้งคาร์โบไฮเดรต โปรตีน วิตามินและแร่ธาตุ ช่วยในการเจริญเติบโตพัฒนาสมองและจอประสาทตา ทำให้สายตามองเห็นได้ดี และเรียนรู้สิ่งต่าง ได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะน้ำนมของแม่ที่หลั่งออกมาในช่วงเวลา 48 ชั่วโมงหลังคลอด หรือที่เรียกกันว่า "หัวน้ำนม"(Colostrums) หรือ "น้ำนมเหลือง" เป็นน้ำนมทื่มีประโยชน์มหาศาล นอกจากจะอุดมไปด้วยสารอาหารที่ทำหน้าที่เสริมสร้างและกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายแล้ว ยังมีสารภูมิคุ้มกันในปริมาณสูงช่วยลดโอกาสติดเชื้อในทารกแรกเกิดเรียกว่า เป็นอาหารมื้อแรกที่มีคุณค่ามากที่สุด(love hormone) ออกมาเป็นการสร้างความรักความผูกพันกับลูกด้วยโดยเฉพาะอ้อมกอดอันอบอุ่นและการสัมผัสระหว่างลูกดูดนมแม่ นับเป็นการช่วยกระตุ้นการรับรู้และพัฒนาการของสมอง ยิ่งกอด ยิ่งเพิ่มการเชื่อมโยงของเส้นใยสมอง เส้นประสาทจะรับสัญญาณการเรียนรู้เร็วขึ้น โดยขณะที่ให้นมลูกนั้นหากแม่ได้สบตา ยิ้มกับลูก ชวนลูกคุย ถือเป็นการสร้างสายสัมพันธ์ ทำให้ลูกรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย

          สุขภาพดีเริ่มต้นที่นี่ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
          ขอเชิญร่วมการประชุมวิชาการส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 6 "อำเภอสุขภาพดี นวัตกรรมดี 878 อำเภอ One District One Best Practice" วันที่ 4-6 กันยายน 2556 ณ ฮอลล์ 9 ศูนย์การแสดงสินุค้าาและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.anamai.moph.go.th/academic6th โทรศัพท์ 0 2590 4525
          กรมอนามัยส่งเสริมให้คนไทยสุขภาพดี