น่าตกใจไม่น้อยเมื่อผลการสำรวจจากผลิตภัณฑ์ความงามอย่างโดฟ พบว่าสาวไทยมั่นใจในความสวยของตัวเองน้อย เพียงแค่ 1% ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์ของผู้หญิงทั่วโลกที่มั่นใจในความงามของตัวเองถึงร้อยละ 4 จึงเป็นเหตุให้สาวไทยเกิดกระแสเสพติดศัลยกรรม รวมไปถึงการเพิ่มออพชั่นให้กับตัวเอง เช่น การใส่บิ๊กอาย ขนตาปลอม ฯลฯ ซึ่งปัจจัยที่ทำสาวไทยมั่นใจในตัวเองน้อยที่สุดนั้นเกิดจากทัศนคติของการมองว่า "ตัวเองหน้าตาธรรมดา ไม่มีความโดดเด่น" ต่างจากภาพลักษณ์ที่ผู้อื่นมองเราในแง่ดี
          ในงานเสวนา "You are more beautiful than you think เพราะว่าคุณสวยกว่าที่คุณคิด" โดฟได้เชื้อเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา ตัวแทนผู้หญิงมั่น ตลอดจนมุมมองจากคนใกล้ชิด มาร่วมสะท้อนมุมมองและแง่คิดในการเปลี่ยนภาพลักษณ์ การมองตัวเองจากลบเป็นบวก เพื่อสร้างความมั่นใจและแรงบันดาลในการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขให้กับคุณสาวๆ ยุคนี้
          พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข เผยให้ทราบถึงสาเหตุของการขาดความมั่นใจในสาวไทยว่า "ประกอบด้วยกันหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของฮอร์โมนเพศหญิงเอง ที่เป็นสิ่งกระตุ้นให้ผู้หญิงอยากสวยและดูดี ขณะเดียวกันทัศนคติของผู้หญิงไทยนั้นเชื่อว่าความงามจะเป็นใบเบิกทางให้ชีวิตประสบความสำเร็จ ตลอดจนการเลี้ยงดูที่เราถูกสอนให้เจียมตัว จนบางครั้งไม่กล้าแสดงความคิดเห็น และแสดงออกในสิ่งที่ตนรู้สึก จึงก่อให้เกิดความกดดันและเก็บกดในตัวเอง และสร้างความเคยชินให้สาวไทยมักตำหนิตัวเองเป็นอันดับแรก และที่สำคัญการถูกเปรียบเทียบกับคนในครอบครัว เช่น พี่สาว พี่ชาย ในเรื่องของรูปร่างหน้าตาก็ยิ่งทำให้ผู้หญิงไทยไม่มั่นใจในความงามของตัวเองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ" ส่วนแนวทางสร้างความมั่นใจให้กับคุณสาวๆ นั้นคุณหมอกล่าวว่า "เริ่มจากลองมองคุณค่าในตัวเองก่อน เช่น การที่เราเป็นผู้มีเมตตา กตัญญู ขยัน พูดไพเราะ ฯลฯ จากนั้นให้พูดถึงข้อดีให้กับตัวเองวันละ 3 ครั้ง เนื่องจากมีการวิจัยในต่างประเทศนั้นระบุไว้ว่า สามารถช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้ฝึกปฏิบัติได้"
          ด้านสาวมั่นที่ประสบความสำเร็จด้านหน้าที่การงาน โดยอาศัยความสามารถมากกว่ารูปลักษณ์ภายนอกอย่าง กาละแมร์-พัชรศรี เบญจมาศ เผยว่า "การที่แมร์ใช้ชีวิตอยู่ด้วยความสุขและความมั่นใจนั้น ส่วนหนึ่งเพราะมองว่าตัวเองไม่ใช่คนสวย ดังนั้นจึงไม่ต้องวิตกกังวลหรือคาดว่าสิ่งดีๆ ในชีวิตจะต้องมาจากความงามบนใบหน้าเสมอไป แต่แมร์จะใช้ความสามารถในการสร้างความสำเร็จ ตรงนี้มันเลยเป็นความมั่นใจในแบบของเรา ส่วนการที่สาวไทยหลายคนขาดความมั่นใจถึงขั้นถ้าไม่ได้ 50 ไลค์บนเฟซบุ๊กหรืออินสตาแกรมนั้น แมร์อยากบอกว่าเราไม่ควรแขวน ความพึงพอใจของตัวเองไว้ที่ผู้อื่น แต่การยอมรับนับถือในตัวเอง และมั่นใจ กล้าที่จะพูดว่าเราสวยในแบบของเรา คือความแตกต่างที่สามารถเปลี่ยนเป็นพลังในการสร้างความโดดเด่นเฉพาะตัวให้กับแต่ละคน ดังนั้นแมร์จะนับถือและรักตัวเองให้มากๆ"
          ส่วนสาวน้อยมหัศจรรย์อย่างอมิตา ทาทา ยัง ที่เคยเสียความมั่นใจเพราะถูกทักว่าน้ำหนักขึ้น แต่ปัจจุบันสามารถเรียกความมั่นในแบบสาวมั่นคนเดิม ด้วยกำลังใจจากครอบครัว และใช้หลักไม่เปรียบเทียบกับสิ่งที่เป็นก่อนหน้านี้ กล่าวว่า "สำหรับตัวทานั้นจะใช้หลักการยอมรับในสิ่งที่เป็น และจะไม่เปรียบเทียบตัวเองกับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้า และที่สำคัญทาจะเลือกอยู่กับเพื่อนที่คอยให้กำลังใจหรือเป็นกัลยาณมิตรที่ดี ซึ่งก็ช่วยให้ตัวเองผ่านปัญหาสุขภาพที่รุมเร้ามาก่อนหน้านี้ได้ และทาก็จะคิดอยู่เสมอ ไม่ว่ารูปร่างหน้าตาจะเปลี่ยนอย่างไร แต่ก็ยังเป็นสาวน้อยมหัศจรรย์คนเดิม ขอเพียงทามีความมั่นใจตัวเองแบบเดิมก็พอแล้ว อย่างไรก็ตามความมั่นใจเป็นสิ่งที่ดี แต่ทว่าต้องไม่ทำเพื่อคนอื่น แต่ความมั่นใจนั้นต้องออกมาจากสิ่งที่เป็นตัวเราเองจริงๆ"
          ปิดท้ายกันด้วย นพ.สมิทธิ์ อารยะสกุล ผู้ที่เห็นคุณค่าความงามจากความมั่นใจของผู้หญิง ระบุว่า "สำหรับหมอเชื่อว่าผู้หญิงทุกคนมีความสวยอยู่ในตัวเองอยู่แล้ว และความสวยก็มาจากการมีสุขภาพที่ดี ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องพึ่งการศัลยกรรม หากยังไม่ถึงวัยหรือเวลาอันสมควร และที่สำคัญแพทย์เองก็ไม่ควรชี้ข้อบกพร่องบนใบหน้าของผู้หญิงแต่ละคน พูดง่ายๆ ว่าจะเป็นการกระตุ้นการทำศัลยกรรมในหมู่วัยรุ่นให้เพิ่มมากขึ้น เพราะเท่ากับยิ่งเป็นการลดทอนความมั่นใจในผู้หญิงลง สำหรับผมในฐานะที่เป็นผู้ชายคนหนึ่ง ชอบผู้หญิงที่ดูดีจากข้างใน มั่นใจในธรรมชาติของตัวเอง ไม่ต้องปรุงแต่งเยอะ เพราะอย่างที่บอกว่าผู้หญิงแต่ละคนมีความสวยในแบบของตัวเอง ถ้าผู้หญิงทุกคนสวยเหมือนกันหมดโลกก็คงน่าเบื่อนะครับ ดังนั้นผู้หญิงเองควรมองเห็นความงามในแบบของตัวเอง ไม่ต้องทำสวยเหมือนใครหรือเพื่อใคร".