อาการนิ้วล็อก ไมเกรน ปวดกล้ามเนื้อและข้อ ถือเป็นกลุ่มอาการโรคออฟฟิศซินโดรมที่มักพบได้ในหนุ่มสาววัยทำงาน ที่ต้องนั่งทำงานนานๆ โดยไม่ปรับเปลี่ยนอิริยาบถ ประกอบกับปัจจุบันแพทย์แผนไทย หรือสมุนไพรไทยพื้นบ้าน ได้กลายเป็นทางหนึ่งในการรักษาอาการดังกล่าว หรือได้รับการยอมรับในวงกว้าง นอกเหนือจากการรักษาด้วยแพทย์แผนปัจจุบัน
          เมื่อเร็วๆ นี้ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้จัดกิจกรรมสาธิตวิธีการผลิตน้ำมันสมุนไพรง่ายๆ ด้วยตนเอง โดยเฉพาะน้ำมันสำหรับนวดแก้อาการนิ้วล็อก หรือปวดเมื่อยข้อเท้า อย่างน้ำมันกระดูกไก่ดำ หรือแม้แต่น้ำมันไพล ที่มีสรรพคุณแก้อาการอักเสบปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ รวมถึงการดื่มน้ำใบบัวบกช่วยลดอาการไมเกรน พ่วงด้วยท่านวดแก้ปวดเมื่อยอย่างง่าย ที่ถือเป็นไฮไลต์และสามารถบำบัดได้ด้วยตนเอง
          แพทย์แผนไทย รสมน เพ็งสิงห์ ได้อธิบายให้ฟังถึงสรรพคุณของน้ำมันกระดูกไก่ดำว่า "มีสรรพคุณช่วยลดอาการอักเสบตามข้อและกระดูก หรือลดอาการข้อเท้าแพลง รวมถึงแก้ช้ำ แก้ไข้ ลดความร้อน อีกทั้งช่วยขับเลือดข้นในร่างกายให้ไหลเวียนได้ดี ดังนั้นจึงลดอาการปวดบวมตามข้อ ซึ่งเกิดจากการคั่งของเลือดนั่นเอง
          ส่วนวิธีการนวดแก้อาการนิ้วล็อกนั้น ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรแนะนำว่าให้เริ่มนวดบริเวณจุดที่เจ็บ โดยใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งค่อยๆ กดลงน้ำหนักจากโคนนิ้วพร้อมนับ 1-5 จากนั้นไล่ไปจนถึงปลายนิ้ว ทำให้ครบทั้ง 10 นิ้วโดยสลับข้างกัน ก็จะช่วยบรรเทาอาการเกร็งหรือค้างของเอ็นนิ้วมือ จากการนั่งจิ้มคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ ได้
          สรรพคุณของน้ำมันไพล ที่ใช้นวดเพื่อลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อนั้น แพทย์แผนไทยรสมนให้ข้อมูลว่า มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ และมีสรรพคุณแก้หอบหืด เนื่องจากสาร D ที่สกัดได้จากต้นไพลนั้นสามารถต้านฤทธิ์ของฮีสตามีนในการทำให้หลอดลมหดตัวได้ จึงมีศักยภาพในการนำมาใช้เป็นยาบำบัดอาการหอบหืด นอกจากนี้ไพลยังมีฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ ลดอาการบวมฟกช้ำเช่นเดียวกัน
          สำหรับการนวดบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หรือที่เรียกกันว่า "การนวดปรับพื้นฐาน"
          ซึ่งการนวดนั้นจะช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัว โดยเฉพาะกล้ามเนื้อที่เกี่ยวพันกันสามารถทำงานได้ดียิ่งขึ้น โดยใช้หลักการนวดที่ว่า (หน่วง = กดลงน้ำหนัก, เน้น, นิ่ง = นับ 1-10 แล้วปล่อย) ซึ่งเริ่มจากอวัยวะส่วนบนสุดในลักษณะหงายแขน โดยเริ่มจาก 1.ใต้รักแร้ 2.ต้นแขน 3.ข้อศอก 4.แขนท่อนล่าง 5.ขีดใต้มือหรือฐานฝ่ามือ จากนั้นสลับนวดปรับพื้นฐานด้านนอก โดยการคว่ำแขนแล้วทำตามขั้นตอนที่กล่าวมา แต่เพื่อให้ได้ผลดียิ่งขึ้นนั้นแพทย์แผนไทยแนะนำว่า ให้ใช้สมุนไพรสดอย่างไพล ผิวมะกรูด ตะไคร้ ใบส้มป่อย ใบมะขาม ขมิ้นชัน
          มาหั่นรวมกัน จากนั้นห่อผ้าขาวบาง ทำเป็นรูปประคบสลับกับการนวดปรับพื้นฐาน ก็จะช่วยให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงอวัยวะที่ปวดเมื่อยได้ดียิ่งขึ้น
          ปิดท้ายกันด้วยการรับประทานสมุนไพรเพื่อช่วยปรับสมดุลในร่างกาย เช่น ลูกยอแคปซูล หรือน้ำใบบัวบกคั้นสดดื่มวันละ 1 แก้ว เพื่อลดอาการไมเกรน หรือป้องกันสภาวะลมในร่างกายที่พัดขึ้น จนเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะข้างใดข้างหนึ่ง เนื่องจากสมุนไพรทั้ง 2 ชนิดที่กล่าวมามีสรรพคุณเป็นยาระบาย และช่วยคลายเครียดเพราะเป็นยาเย็น หากรับประทานจะช่วยให้ขับลมได้เป็นอย่างดี แต่เนื่องจากเป็นยาเย็น ดังนั้นการรับประทานไม่ควรนานติดต่อกันเกิน 10 วัน เพราะอาจทำให้เกิดอาการชาตามปลายมือปลายเท้าได้ แพทย์แผนไทยรสมนกล่าว.