Follow us      
  
  

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ [ วันที่ 17/01/2561 ]
บิ๊กตู่ เบรกกัญชา5พันไร่

  กรณีนายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ ออกมาเปิดเผยเตรียมเลือก จ.สกลนคร เป็นจังหวัดนำร่องปลูกกัญชาถูกกฎหมาย เพื่อใช้รักษาโรค กำหนดพื้นที่เริ่มต้น 5,000 ไร่ จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมากนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อบ่ายวันที่ 16 ม.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.แถลงภายหลังการประชุม ครม.ที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงกรณีปลูกกัญชา 5 พันไร่ ในพื้นที่ทหารที่ จ.สกลนคร เพื่อใช้สกัดยารักษาโรคว่าเพิ่งได้ยินข่าว ไม่รู้เหมือนกันว่ามาได้อย่างไร สอบถามกระทรวงสาธารณสุข ที่ว่าจะออกเป็นกฎกระทรวงอะไรก็ไม่มี ใครไปคิดมาเองหรือเปล่าตนไม่รู้ ส่วนกรณีกัญชง ที่เอามาทำเฉพาะเรื่องของเครื่องนุ่งห่ม ต้องควบคุมให้ได้ด้วย เพราะเป็นพืชที่มีสารเสพติด กัญชงจะมีสารเสพติดน้อยหน่อย แต่ถ้าเป็นกัญชามีสารเสพติดมากหน่อย ในต่างประเทศโดยเฉพาะอเมริกาจะปลูกกัญชากันมากเพื่อนำไปเป็นยา แต่ของเราถ้าปลูกต้องมีมาตรการที่ชัดเจนในการควบคุมการแพร่ระบาดของยาเสพติดทุกประเภท คนไทยยังรับไม่ได้ ต้องค่อยๆ ศึกษากันไปก่อน
          ต่อมา นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดแถลงข่าวที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน ยืนยันว่าในประเทศไทยยังไม่เคยอนุญาตให้ปลูกกัญชาอย่างแน่นอน มีแต่อนุญาตให้ครอบครองกัญชา เพื่อนำไปทำวิจัยทางการแพทย์เท่านั้น โดยกัญชาดังกล่าว ไม่ใช่กัญชาที่ปลูกเอง แต่เป็นกัญชาที่ได้มาจากการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และก่อนจะได้รับอนุญาตให้ครอบะครองเพื่อนำไปใช้ในการวิจัยได้ ต้องผ่านการพิจารณาจากทางคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษก่อนค ณะกรรมการฯจะดูว่ามีขั้นตอนควบคุมอย่างไร นำไปใช้ในเรื่องอะไร ปริมาณเท่าไหร่ และใช้ระยะเวลาวิจัยนานแค่ไหน เป็นต้น ปัจจุบันมีเพียงมหาวิทยาลัยรังสิตที่ทำร่วมกับหน่วยงานรัฐเท่านั้น ที่มีการขออนุญาตครอบครองกัญชาเพื่อไปนำใช้ในการวิจัยทางการแพทย์
          "ยืนยันว่ายังไม่มีการหารือเรื่องการทดลองปลูกกัญชา ที่ผ่านมาหารือเพียงการปลูกกัญชงเพื่อนำใยของต้นกัญชงไปใช้ประโยชน์ทางอุตสาหกรรม ต่อจากนี้กระทรวงสาธารณสุขต้องชี้แจงกับทุกภาคส่วนและนายประพัฒน์ถึงรายละเอียดเรื่องนี้ต่อไป ส่วนกรณีที่เคยขอให้ถอดกัญชาออกจากยาเสพติดให้โทษนั้น ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ เพราะการจะถอดได้ต้องมีการศึกษาพิจารณาถึงประโยชน์และโทษให้ชัดเจนว่ากัญชามีประโยชน์พอที่จะนำมาใช้หรือไม่ ที่ผ่านมามีการวิจัยในต่างประเทศว่ากัญชามีประโยชน์บ้าง แต่ประโยชน์ของกัญชามีสารที่คล้ายกันจากแหล่งอื่นและไม่ให้โทษ ดังนั้น จึงใช้สารที่ไม่มีโทษดีกว่ากัญชา" รองเลขาธิการคณะกรรมะการอาหารและยากล่าว
          นพ.สุรโชคกล่าวอีกว่า กัญชากับกัญชงนั้นมีความแตกต่างกันตรงที่มีปริมาณสารเสพติดที่ไม่เท่ากัน คือกัญชงจะมีสารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล หรือ THC ซึ่งเป็นสารเสพติดที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ในปริมาณไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ แต่ในกัญชานั้นมีสาร THC ในปริมาณสูงกว่า 3 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นจึงไม่เคยอนุญาตให้ปลูกกัญชา อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ในประเทศไทยมีการนำร่องให้ปลูกเพียงกัญชง จัดเป็นยาเสพติดประเภทที่ 5 กลุ่มเดียวกับกัญชาและกระท่อม ในพื้นที่ 5 จังหวัดทางภาคเหนือเท่านั้น แต่การจะขอปลูกกัญชงต้องขออนุญาตผ่านทางคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษก่อน เพื่อขอความเห็นชอบจาก รมว.สาธารณสุขต่อไป
          อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนายบุญฮงค์ ยอดหอ ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดสกลนคร ถึงข่าวจะนำร่องปลูกกัญชาในสกลนครว่า ที่มีความเป็นห่วงว่าจะเป็นการส่งเสริมให้เสพนั้น ขอชี้แจงว่าการปลูกนั้นมีการควบคุมอย่างเข้มงวดจากหน่วยงานรัฐ มีพื้นที่ปลูกเฉพาะไม่ใช่นึกจะปลูกตรงไหนก็ได้และจะต้องคัดสายพันธุ์ที่ดีนำมาปลูกเพื่อนำมาสกัดเป็นยารักษาโรค โดยเฉพาะโรคมะเร็งที่จะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมากกับประชาชน โดยเฉพาะคนจนที่จะมีโอกาสเข้าถึงการรักษาได้ง่าย
          นายบุญฮงค์กล่าวด้วยว่า ตามแผนการดำเนินการ เมื่อกำหนดพื้นที่ปลูกและคัดเลือกเกษตรกรผู้ปลูกได้แล้ว จะสกัดเอาสารสำคัญในพื้นที่เลย โดยไม่ให้นำกัญชาออกนอกพื้นที่ควบคุม รวมถึงจะสร้างโรงพยาบาลขนาด 80 เตียง เพื่อรองรับผู้ป่วยที่เดินทางมาทำการรักษาในโรงพยาบาลที่จัดตั้งขึ้นเพื่อป้องกันการนำกัญชาออกนอกพื้นที่ ทั้งหมดกำหนดเป็นแผนการดำเนินการเป็นขั้นตอน ขณะนี้สภาเกษตรกรแห่งชาติมอบหมายให้สภาเกษตรกรจังหวัดสกลนครดำเนินการคัดเลือกเกษตรกรที่มีคุณสมบัติเหมาะสม มีคุณธรรม จริยธรรม เข้ามาร่วมโครงการนี้ จะมีการประชุมกันอีกครั้งภายในเดือน ก.พ.นี้ อยากฝากถึงประชาชนชาวสกลนครพิจารณาไตร่ตรองด้วยเหตุผลก่อนจะวิพากษ์วิจารณ์ เพราะจากการศึกษาทางการแพทย์พบประโยชน์มหาศาลในการนำกัญชามาสกัดเป็นยารักษาโรค

 pageview  1204954    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved