ฝนถล่มทั่วประเทศทำให้หลายพื้นที่ถูกน้ำ ท่วมหนัก จ.พังงา มวลน้ำไหลผ่านแม่น้ำตะกั่วป่า เพิ่มสูงขึ้นอย่างน่ากลัว เตือนชาวบ้านที่อยู่สองฝั่งแม่น้ำระวังน้ำท่วมฉับพลัน ส่วน จ.กระบี่ ฝนตกหนักทั้งวันทั้งคืน ทำให้น้ำป่าไหลเข้าท่วมในพื้นที่ อ.พนม เป็นวงกว้าง ชาวบ้านขนข้าวของหนีน้ำกันให้วุ่น ส่วน จ.พิจิตร ฝนถล่มซ้ำทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำยมเพิ่มขึ้นอีก ขณะที่ จ.ตาก สั่งปิดน้ำตกทีลอซูอีกหลังฝนตกหนักแถมกระแสน้ำไหลแรงและถนนทางเข้าชำรุดหนัก
          จ.นครสวรรค์ ถนนใต้ทางลอดสะพานเดชาติวงศ์ถูกน้ำทะลักท่วมสูง ต้องปิดเส้นทางแล้ว ส่วนอุทยานไทรงาม แหล่งท่องเที่ยวของ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา จมบาดาล ขณะที่เขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น เตรียมเปิดสปิลเวย์ หลังปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างน่ากลัว ด้าน ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพระพิมล เผยการระบายน้ำในพื้นที่ฝั่งตะวันตก จะใช้สถานีสูบน้ำ 29 แห่ง มีเครื่องสูบน้ำ 100 เครื่อง สูบออกทางแม่น้ำท่าจีน ส่วนการระบายทางแม่น้ำเจ้าพระยา จะผ่านคลองภาษีเจริญ และคลองสนามชัย พร้อมขอความร่วมมือไปยัง กทม.แล้ว
          ปัญหาน้ำท่วมหลายพื้นที่ยังน่าเป็นห่วง ผู้สื่อข่าวรายงาน เมื่อวันที่ 8 ต.ค.ว่า ที่ จ.พังงา หลังจากมวลน้ำที่ไหลมาจาก อ.กะปง ผ่านแม่น้ำตะกั่วป่า วัดระดับน้ำที่สถานีตรวจของกรมชลประทาน ที่ 186 บ้านตลาดเก่า อ.ตะกั่วป่า พบน้ำเพิ่มสูงขึ้น 2.94 เมตร ปริมาณน้ำไหลผ่าน 467.60 ลบ.ม.ต่อวินาที คาดน้ำอาจล้นตลิ่ง จึงเตือนให้ประชาชนที่มีบ้านเรือนที่ราบลุ่มเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากในพื้นที่ยังมีฝนตกหนัก ขณะที่เทศบาลเมืองตะกั่วป่าเร่งสูบน้ำออกจากคูเมืองลงแม่น้ำตะกั่วป่า เพื่อรองรับน้ำฝนที่ยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนทางจังหวัดแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่บ้านโรงกลวง ต.นบปริง อ.เมืองพังงา เฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม หลังวัดปริมาณน้ำฝนตกสะสม 24 ชม. สูงถึง 196.0 มิลลิเมตร
          ส่วน จ.กระบี่ ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. ทำให้น้ำเอ่อล้นตลิ่งในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะที่ อ.เขาพนม น้ำจาก ต.พรุเตียว เอ่อล้น ลำคลองทรายขาวเข้าท่วมถนนในหมู่บ้าน เช่น ซอยย่านซื่อ ถูกน้ำท่วมสูง 20 ซม. รถยนต์ยังสัญจรได้ ขณะเดียวกัน น้ำจากคลองดังกล่าวได้ไหลลงคลองน้ำแดงที่ ต.เขาดิน จนเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่การเกษตร ของชาวบ้านเป็นวงกว้าง ก่อนมวลน้ำจะไหลไปยังพื้นที่ อ.ชัยบุรี จ.สุราษฎร์ธานี ส่วนถนนภายในหมู่บ้านหมู่ 7 ต.สินปุน อ.เขาพนม น้ำทะลักท่วมเป็นทางยาว บางจุดระดับน้ำสูง 1 เมตร รถยนต์สัญจรไม่ได้
          ด้าน จ.พิจิตร ยังคงมีฝนตกตลอดคืนที่ผ่านมา ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำยมที่ไหลผ่าน 4 อำเภอ ได้แก่ อ.สามง่าม อ.โพธิ์ประทับช้าง อ.บึงนาราง และ อ.โพทะเล เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้หมู่บ้านริมแม่น้ำ ถูกน้ำท่วมนานกว่า 3 สัปดาห์ โดยเฉพาะที่บ้านเนินยุ้ง หมู่ 7 ต.รังนก อ.สามง่าม น้ำจากแม่น้ำยมเอ่อท่วมบ้านเรือนกว่า 100 หลังคาเรือน และท่วมถนนเข้าหมู่บ้านตลอดจนพื้นที่ทางการเกษตรกว่า 2,000 ไร่ ชาวบ้านต้องใช้เรือหางยาวเป็นพาหนะ ขณะที่นายประทีป โพธิ์เที้ยม นายอำเภออุ้มผาง จ.ตาก สั่งให้ปิดน้ำตกทีลอซู หลังเปิดได้เพียงแค่ 1 สัปดาห์ เพราะมีฝนตกชุก ทำให้ถนนทางเข้ากว่า 10 กม.ชำรุด อีกทั้งแม่น้ำแม่กลองมีระดับน้ำสูงและไหลเชี่ยวกราก หากปล่อยให้มีการล่องแพยาง อาจจะเกิดอันตรายกับนักท่องเที่ยว ต้องรอให้ฝนหยุดและมีการซ่อมแซมถนนก่อนจึงจะเปิดอีกครั้ง
          จ.นครสวรรค์ แม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงต่อเนื่องเช่นกัน จนล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมพื้นที่ชุมชนบางปรอง ต.ปากน้ำโพ อ.เมืองนครสวรรค์ ถนนใต้ทางลอดสะพานเดชาติวงศ์ ฝั่งตำบลนครสวรรค์ออก ถูกน้ำสูงมากกว่า 40 ซม. ทำให้รถทุกชนิดไม่สามารถผ่านได้ เจ้าหน้าที่นำหินคลุกมาปิดเส้นทางไม่ให้รถผ่าน และ ป้องกันไม่ให้น้ำล้นตลิ่งขยายวงกว้าง เข้าท่วมชุมชนวัดเขา ส่วนที่ อ.ลาดยาว มวลน้ำแม่วงก์ยังท่วมขังในเขตเทศบาลเป็นวงกว้าง ทหารนำกระสอบทรายกั้นริมคลองสาธารณะป้องกันไม่ให้น้ำเข้าท่วมพื้นที่ รพ.ลาดยาว ขณะที่ชาวบ้านบ้านหนองกระดูกเนื้อ ต.หนองนมวัว ทุกข์หนักเนื่องจากน้ำในตลาดอำเภอลาดยาว ทะลักท่วมนานร่วม 4 วันแล้ว และคาดว่า น้ำท่วมนานร่วมสัปดาห์
          ที่ จ.นครราชสีมา เมื่อคืนที่ผ่านมามีฝนตกตลอดทั้งคืน ทำให้บริเวณตลาดพิมายเมืองใหม่ หมู่ 14 ต.ในเมือง อ.พิมาย ถูกน้ำท่วมขังสูง ถนนรอบตลาดสดพิมายเมืองใหม่จมบาดาล ระดับน้ำสูง 10-20 ซม. การสัญจรเป็นไปด้วยความลำบาก ประชาชนที่มาจับจ่ายซื้อสิ่งของในตลาด และพ่อค้าแม่ค้าต้องยืนแช่น้ำขายของ ส่วนอุทยานไทรงาม แหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของ อ.พิมาย ก็ถูกน้ำท่วมสูง 50-60 ซม. แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยว ขณะที่ถนนสาย 304 บริเวณบ้านบะใหญ่ ต.อุดมทรัพย์ อ.วังน้ำเขียว น้ำทะลักท่วมสูง 10-20 ซม.ระยะยาวกว่า 300 เมตร รถเล็กสัญจรลำบาก
          นายทรงวุฒิ กิจวรวุฒิ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาหนองหวาย กรมชลประทาน กล่าวว่า มีการคาดการณ์ว่ายังคงมีฝนตกทั่วทั้ง จ.ขอนแก่น ไปจนถึงวันที่ 17 ต.ค.หากระดับน้ำในเขื่อนอุบลรัตน์สูงขึ้นต้องเปิดสปิลเวย์ ส่วนระดับน้ำในแม่น้ำชียังคงสูงขึ้น เพราะมวลน้ำหนุนจาก จ.ชัยภูมิ ไหลมาตามลำน้ำชี เริ่มไหลเข้าพื้นที่ อ.แวงใหญ่ หากรอให้น้ำเต็มเขื่อนอุบลรัตน์แล้วมาระบาย อาจส่งผลต่อการเกิดน้ำท่วมได้ ดังนั้น จึงมีมติในการเพิ่มการระบายน้ำ เพื่อรองรับมวลน้ำที่กำลังจะเข้ามาในเขตพื้นที่ชั้นในของตัวเมืองขอนแก่นอย่างเร่งด่วน
          จ.จันทบุรี มีฝนตกชุกทำให้น้ำในแม่น้ำจันทบุรี ตลอดจนคลองสาขาเพิ่มขึ้น และไหลแรงทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนสองฝั่งแม่น้ำในพื้นที่หมู่ 5 ต.ท่าช้าง อ.เมืองจันทบุรี ประกอบกับดินอุ้มน้ำไม่ไหว ทำให้ดินเกิดการทรุดตัว จนบ้านเรือนชาวบ้านพังเสียงหาย นายเฉลิมพล ศักดิ์คำ นายก-เทศมนตรีเมือง (ทม.) ท่าช้าง พร้อมเจ้าหน้าที่นำเครื่องจักรกลเข้าช่วยเหลือแล้ว ด้าน จ.สระบุรี หลังเขื่อนเจ้าพระยาปล่อยน้ำออกท้ายเขื่อนเพื่อรองรับมวลน้ำเหนือที่จะไหลลงมาและมีการผันน้ำมาตามคลองชัยนาท-ป่าสัก ทำให้น้ำไหลเข้ามาตามประตูน้ำคลองเริงราง จนทะลักท่วมในพื้นที่ ต.บ้านครัว อ.บ้านหมอ 3 หมู่บ้าน พื้นที่ราบลุ่มระดับน้ำสูง 30-40 ซม. ชาวบ้านพากันขนข้าวของหนีน้ำกันให้วุ่น เดือดร้อน 40 หลังคาเรือน เจ้าหน้าที่นำเครื่องสูบน้ำเร่งสูบน้ำออกเต็มที่
          ส่วน จ.ชัยนาท ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาในพื้นที่ ต.ตลุก ต.หาดอาษา ต.โพนาง-ดำออก อ.สรรพยา ถูกน้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมกว่า 90 หลังคาเรือน เป็นระลอกที่ 2 หลังจากระดับน้ำลดไปเพียง 4-5 วัน ก็กลับมาล้นตลิ่งท่วมอีกครั้ง เนื่องจากเขื่อนมีการปล่อยน้ำเพิ่มขึ้น ขณะที่ชาวบ้าน และเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ต.โพนางดำออก ช่วยกันนำกระสอบทรายมากั้นทางน้ำไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้เข้าท่วมในพื้นที่เต็มพิกัด ส่วน จ.อ่างทอง น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดระดับน้ำบริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดสูง 7.77 เมตร
          จากระดับตลิ่ง 9.32 เมตร น้ำไหลผ่าน 2,073 ลบ.ม.ต่อวินาที มีผู้ประสบภัยน้ำท่วม 3 อำเภอ โดยเฉพาะชาวบ้านใน ต.โผงเผง อ.ป่าโมก ต้องประสบภัยน้ำท่วมขัง และใช้ชีวิตอยู่กับน้ำท่วมมานานกว่า 2 สัปดาห์แล้ว พากันเดือดร้อนทั่วหน้า
          จ.สุพรรณบุรี ระดับน้ำในแม่น้ำสุพรรณบุรี (ท่าจีน) เพิ่มสูงอย่างน่าเป็นห่วง ประกอบกับประตูระบายน้ำพลเทพ เพิ่มการระบายเป็น 115 ลบ.ม.ต่อวินาที ส่วนประตูโพธิ์พระยา ระบายน้ำที่ 210 ลบ.ม.ต่อวินาที ทำให้พื้นที่ตั้งแต่ในเขต อ.สามชุก อ.ศรีประจันต์ (บางส่วนที่ติดแม่น้ำ) อ.บางปลาม้า อ.สองพี่น้อง และ อ.เมืองสุพรรณบุรี ถูกน้ำท่วมเป็นวงกว้าง ระดับน้ำสูงขึ้นจากเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ประมาณ 10 ซม.พื้นที่ราบลุ่มบางจุดระดับน้ำสูง 2 เมตร ขณะที่ชาวบ้านกลาง หมู่ 1 ต.ต้นตาล อ.สองพี่น้อง เร่งเสริมแนวคันกั้นน้ำทางด้านทิศตะวันออก และทิศเหนือที่พังลงมา ทำให้น้ำไหลทะลักเข้าท่วมในหมู่บ้าน ส่วนถนนสายสุพรรณบุรี-บางปลาม้าสายเก่ามีน้ำท่วมเป็นทางยาวกว่า 10 กม.ชาวบ้านนำแหมาทอดหาปลาบนท้องถนนกันอย่างสนุกสนาน
          นายปัญญา กัลปสุข ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ สำนักงานชลประทานที่ 10 จ.ลพบุรี กล่าวว่า สถานการณ์น้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์อยู่ที่ระดับ 903 ลบ.ม. และมีน้ำไหลเข้าอ่าง 808.80 ลบ.ม.ต่อวินาที และระบายออก 580 ลบ.ม.ต่อวินาที การระบายน้ำทำมาแล้ว 3 วัน ไม่มีผลกระทบกับผู้ที่อยู่ท้ายเขื่อน จะมีก็แต่ผู้ที่อยู่ในที่ลุ่มแถว อ.ท่าหลวง อ.ท่าเรือ อ.นครหลวง จ.พระนคร-ศรีอยุธยา ขณะนี้มีฝนตกทุกวันทำให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างมากขึ้น จึงต้องระบายน้ำเพิ่มในระดับ 700 ลบ.ม.ต่อวินาที เพื่อรักษาระดับน้ำในอ่าง
          จ.พระนครศรีอยุธยา หลังเขื่อนเจ้าพระยาเร่งระบายน้ำ 1,998 ลบ.ม.ต่อวินาที ทำให้มีบ้านเรือนที่อยู่ริมแม่น้ำน้อย คลองบางหลวง คลองบางบาล และแม่น้ำเจ้าพระยา นอกเขตคันกั้นน้ำในพื้นที่ อำเภอผักไห่ เสนา บางบาล พระนครศรีอยุธยา บางไทร บางปะอิน และบางปะหัน ได้รับผลกระทบ 7 อำเภอ ขณะที่ทหารนำกระสอบทรายเร่งกั้นเพื่อไม่ให้น้ำทะลักท่วมวัดกษัตราธิราชวรวิหารเต็มที่ ส่วนเขื่อนพระรามหก อ.ท่าเรือ ระบายน้ำท้ายเขื่อน 606 ลบ.ม.ต่อวินาที ลงแม่น้ำป่าสัก ทำให้ระดับน้ำสูงขึ้น 10 ซม. จ่อท่วมตลาดอำเภอท่าเรือเหลืออีกเพียง 30 ซม.เท่านั้น วันเดียวกัน นายวิทยา ผิวผ่อง ผช.รมต.กระทรวงเกษตรฯประชุมการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในที่ประชุมชลประทานจังหวัดเสนอทำฟรัดเวย์ หรือทางระบายน้ำ ขุดลอกคลองในพื้นที่ อ.บางบาล เชื่อมไปยังคลองบางยี่โท อ.บางไทร ระยะทาง 20 กม. คาดจะสามารถเพิ่มศักยภาพในการระบายน้ำได้อีก 2,000 ลบ.ม.ต่อวินาที
          นายสากล ชลคีรี ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพระพิมล กรมชลประทาน เผยถึงการเตรียมพร่องน้ำในคลองพระพิมล พระยาบันลือ และภาษี-เจริญ เพื่อรองรับปริมาณน้ำที่ไหลลงมาว่า ช่วงนี้จะมีน้ำทะเลจะหนุนสูงในแม่น้ำท่าจีน การสูบน้ำเพื่อระบายสู่ทะเลทำได้ยาก ต้องใช้คลองที่มีอยู่ 40 คลองกักเก็บเพื่อหน่วงน้ำไว้ รอน้ำทะเลลดลงถึงจะทำการสูบออกไป แต่ปัญหาที่พบในแม่น้ำท่าจีนตั้งแต่ อ.บางเลน อ.นครชัยศรี ถึง อ.สามพราน จ.นครปฐม ค่อนข้างแคบ มีขยะที่ทิ้งลงแม่น้ำ ทั้งถุงพลาสติก กล่องโฟม ที่นอน แม้กระทั่งโซฟายังทิ้งลงมาแล้วไปอุดที่ประตูระบายน้ำจำนวนมาก จึงจัดเจ้าหน้าที่ไปเก็บพร้อมประชาสัมพันธ์ไม่ให้ประชาชนทิ้งขยะลงแม่น้ำ ส่วนการระบายน้ำในพื้นที่ฝั่งตะวันตก จะใช้สถานีสูบน้ำ 29 แห่ง มีเครื่องสูบน้ำ 100 เครื่อง สูบออกทางแม่น้ำท่าจีนเป็นหลัก และการระบายทางเจ้าพระยาจะผ่านคลองภาษีเจริญ และคลองสนามชัย ได้ขอความร่วมมือไปยัง กทม.ในช่วงจังหวะน้ำขึ้น ควรปิดบานที่อยู่ด้านแม่น้ำเจ้าพระยา และใช้เครื่องสูบน้ำออก ส่วนน้ำลงให้เปิดบานเพื่อระบายน้ำออกไป
          กรมอุตุนิยมวิทยา คาดหมายสภาพอากาศตั้งแต่วันที่ 10-14 ต.ค.ประเทศไทยยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง กับมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก กรุงเทพฯและปริมณฑล สำหรับภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ปริมาณฝนจะน้อยกว่าภาคอื่นๆ ส่วนพายุโซนร้อน “แอรี” (AERE) มีศูนย์กลางอยู่บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 90 กม.ต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ เลียบชายฝั่งประเทศจีนตอนใต้ ทั้งนี้ จนถึงวันที่ 10 ต.ค.พายุแอรียังไม่มีผลกระทบต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย ขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิดต่อไป
          ขณะที่ศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วม กรุงเทพฯ แจ้งว่าเย็นวันเดียวกันเกิดฝนตกปานกลางถึงหนักในพื้นที่เขตบางบอน ภาษีเจริญ จอมทอง ราษฎร์บูรณะ ทุ่งครุ ราชเทวี ดินแดง จตุจักร ห้วยขวาง คลองเตย วัฒนา บางคอแหลม สวนหลวง พระโขนง ประเวศ บางนา ต่อเนื่อง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ความรุนแรงของฝนสูงสุดวัดได้ที่เขตบางบอน 116 มม.ต่อชั่วโมง ปริมาณฝนสะสม 94 มม. มีน้ำขังรอการระบายบนถนนสายหลักจำนวน 2 จุด คือที่ถนนสุขุมวิทขาออก บริเวณสถานีรถไฟฟ้าแบริ่ง และถนนสุขุมวิทขาเข้า บริเวณซอยแบริ่ง-ลาซาล