นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากการสำรวจสภาวะสุขภาพผู้สูงอายุไทยปี 2556 โดยกรมอนามัยร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) พบว่า ผู้สูงอายุมีพฤติกรรมสุขภาพที่พึงประสงค์ร้อยละ 26 เช่น ออกกำลังกายทุกวัน ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มเหล้า แต่ยังมีผู้สูงอายุ 3.2 ล้านคน หรือร้อยละ 95 ป่วยด้วยโรคต่างๆ เช่น ความดันโลหิตสูง ร้อยละ 41 เบาหวาน ร้อย 10 เข่าเสื่อม ร้อยละ 9 ซึมเศร้า ร้อยละ 1 เป็นผู้ป่วยนอนติดเตียง ร้อยละ 1 และผู้พิการ ร้อยละ 6 โดยเข้าถึงระบบบริการสุขภาพได้เพียงร้อยละ 57 ทั้งยังพบว่าผู้สูงอายุร้อยละ 50 มีภาวะอ้วนหรือเป็นโรคอ้วน และพบผู้สูงอายุอยู่คนเดียว 6 แสนคน ทั้งนี้ ประชากรผู้สูงอายุในไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งจำนวนและสัดส่วน โดยปี 2555 มีจำนวนผู้สูงอายุที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป คิดเป็นร้อยละ 7.4 และอายุ 60 ปีขึ้นไป คิดเป็นร้อยละ 12.59 ซึ่งคาดการณ์ว่าอีก 20 ปีข้างหน้า ไทยจะเป็นสังคมสูงวัยระดับสุดยอด หมายถึงสัดส่วนประชากรผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป มากกว่าร้อยละ 20 และคาดว่าในปี 2564 ไทยจะกลายเป็นสังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์
นพ.พรเทพกล่าวต่อไปว่า กรมอนามัยได้จัดระบบสร้างเสริมสุขภาวะ สำหรับผู้สูงอายุและผู้ที่อยู่ในภาวะพึ่งพิงรวมถึงผู้ป่วยในระยะสุดท้ายของชีวิต โดยการคัดกรองเพื่อจำแนกกลุ่มผู้สูงอายุตามภาวะพึ่งพิงและประเมินความจำเป็นด้านการสนับสนุนบริการและจัดบริการด้านสุขภาพและสังคม รวมถึงมีผู้ดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ (Care giver) และผู้จัดการการดูแลผู้สูงอายุ (Care manager) อย่างเพียงพอ โดย Care manager 1 คนต่อ Care giver 5-7 คน และ Care giver 1 คน ต่อผู้สูงอายุติดบ้าน ติดเตียง 5-7 คน โดยให้บูรณาการเรื่องการนวดไทยเข้าไปในหลุกสูตร Care manager และ Care giver เพื่อช่วยดูแลผู้สูงอายุและผู้อยู่ในระยะพึ่งพิง รวมถึงผู้พิการด้วย นอกจากนี้ กรมอนามัยได้ส่งเสริมให้ทุกครัวเรือนเห้นความสำคัญของโถส้วมแบบนั่งราบอย่างน้อย 1 ที่ ไว้ให้บริการผู้สูงอายุ ผู้พิการ