เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับสาเหตุและแนวทางป้องกันโรคหัวใจ โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ จัดเสวนาเรื่อง “โรคหัวใจผิดปกติแต่กำเนิด” ในกิจกรรม “อาสาสมัคร บริจาคโลหิต ครั้งที่ 3” สานต่อแนวคิด “ผู้รับ” และ “ผู้ให้” ตามโครงการ “อาสาสมัครใจ SiPH 2gether Caring & Sharing” ที่โรงพยาบาลศิริราชฯ

          ศ.นพ.กฤตย์วิกรม ดุรงค์พิศิษฎ์กุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือดกล่าวว่า สถานการณ์โรคหัวใจผิดปกติแต่กำเนิดในปัจจุบัน พบได้1 ใน 3 เป็นทารก คือ ถ้าทารก 1,000 คน เป็นโรคนี้ 7.7 ราย และมีแค่ร้อยละ 1 ที่รู้ตัวตั้งแต่แรกคลอด เกิดได้ทั้งจากพฤติกรรมของมารดาในขณะตั้งครรภ์ เช่น แม่สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า หรือแม่ที่อายุเกิน 35 ปี ต้องตรวจเช็กร่างกายอย่างละเอียด, เกิดจากตัวเด็ก ที่มีโครโมโซมผิดปกติ เช่น เป็นดาวน์ซินโดรม และเกิดจากการผิดปกติของการแบ่งตัวของช่องหัวใจเด็กเอง ส่วนสาเหตุของหัวใจผิดปกติยังไม่ทราบแน่ชัด อาจเกิดจากความผิดปกติในการสร้างอวัยวะ ตั้งแต่ทารกยังอยู่ในครรภ์มารดา ซึ่งเกี่ยวกับการติดเชื้อไวรัสในช่วง 3 เดือนแรก หรือเกิดจากพันธุกรรม โดยโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดมี 2 ชนิดคือ ชนิดเขียว หรือมีออกซิเจนในเลือดต่ำ เกิดจากความผิดปกติของหัวใจและหลอดเลือด และชนิดไม่เขียว เกิดจากความผิดปกติในโครงสร้างของระบบหลอดเลือดและหัวใจ

          สำหรับแนวทางการรักษาโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด ทำได้ในชนิดไม่เขียว สามารถรักษาด้วยยา, รักษาด้วยการสวนหัวใจและรักษาด้วยการผ่าตัด ผู้ป่วยโรคหัวใจพิการตั้งแต่กำเนิด ควรระมัดระวังการใช้ยา สำหรับเด็กอายุแรกเกิดถึง 1 ปี จำเป็นต้องจำกัดปริมาณนม เพราะถ้ากินนมมากเกินไปอาจสำลัก และไม่สามารถรับนมแม่ได้ หรือควรหลีกเลี่ยงอาหารรสเค็ม ส่วนเด็กอายุมากกว่า 1 ปี ควรตรวจร่างกายประจำปี ทานอาหารที่มีประโยชน์และให้พลังงานสูง ควรได้รับวัคซีนเสริมบางชนิด และหมั่นดูแลสุขภาพช่องปากและฟัน เพื่อลดโอกาสติดเชื้อที่ลิ้นหัวใจ และต้องแจ้งให้แพทย์ทราบว่าป่วยเป็นโรคหัวใจ งดออกกำลังกายที่หักโหม ดูแลเรื่องการขับถ่าย ต้องดูแลสุขภาพตัวเอง โดยควบคุม 3 อย่างคือ น้ำหนักตัว, หลีกเลี่ยงอาหารเค็มและมัน และหมั่นออกกำลังกาย.