เมื่อวันที่ 20 ก.พ. ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ) ท่า พระจันทร์ มีการจัดงานเสวนา เรื่อง "ภัยร้าย "ฝุ่น" กลางเมือง" โดยมี ดร.สุพัฒน์ หวังวงศ์วัฒนา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มธ. ได้นำเสนอสถานการณ์ฝุ่นละอองว่า ฝุ่นละออง PM2.5 ซึ่งเป็นฝุ่นขนาดเล็ก ส่งผลกระทบต่อร่างกาย ซึ่งเกิดจากกิจวัตรประจำวันเช่น การใช้ยานพาหนะ การเผาในที่โล่ง การก่อสร้าง และการประกอบอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยพบว่าเกิดจากการผาไหม้น้ำมันดีเซลจากเครื่องยนต์เป็นหลักกว่า 51 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสถานการณ์ในช่วงปี 2560 จนถึงขณะนี้อยู่ในระดับที่ไม่ได้สูงกว่าที่ผ่านมา โดยสถิติย้อนหลัง 7 ปี ตั้งแต่เริ่มมีการวัดฝุ่น PM2.5 ในกรุงเทพฯพบว่าค่าเฉลี่ยรายปีตั้งแต่ปี 2556 มีแนวโน้มลดลงเรื่อย ๆ สำหรับปี 2560 ค่าเฉลี่ยรายปีอยู่ที่ 26 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (ไมครอน) ซึ่งถือว่าน้อยกว่าค่ามาตรฐานและลดลงจากปี 2556 ถึง 25 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นผลมาจากการนำน้ำมันและรถยนต์มาตรฐานยูโร 4 (Euro4) มาใช้แต่ในช่วงเดือน ก.พ.-เม.ย. ของทุกปีที่จะมีปัญหาเนื่องจากเป็นช่วงที่มีมวลอากาศแห้งปะทะมวลอากาศเย็นชื้นจากทะเลควบแน่นจนทำให้เกิดหมอกและลมสงบทำให้อากาศไม่ถ่ายเทจึงทำให้ฝุ่นละอองที่ฟุ้งกระจายเห็นได้ชัดแต่ปัญหาฝุ่นนั้นก็ยังต้องดำเนินการแก้ไขในระยะสั้นและระยะยาว
ศ.พญ.อรพรรณ โพชนุกูล หัวหน้าหน่วยโรคภูมิแพ้ คณะแพทย ศาสตร์ มธ. กล่าวว่า ผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจในกรุงเทพฯมีสูงถึง 2.3 แสนคนและมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อย ๆ แต่พบว่าผู้ป่วยในกรุงเทพฯยังน้อยกว่าในต่างจังหวัดเนื่องจากต่างจังหวัดมีการเผาป่าเผาพื้นที่เกษตร กรรมมากกว่า ทั้งนี้ควรดูแลสุขภาพโดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนดังกล่าวเป็นช่วงที่ต้องระวัง. |