นายทวีศักดิ์ เลิศประพันธ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพ มหานคร (กทม.) เปิดเผยว่าในปัจจุบันภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันถือเป็นสาเหตุการตายติด 1 ใน 3 ของสาเหตุการ ตายของประชาชนไทยโดยการเกิดอาการดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นในขณะที่อยู่ทั้งที่บ้านหรือในพื้นที่สาธารณะอื่น ๆ ซึ่งหากประชาชนเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันการรอให้รถ ช่วยเหลือฉุกเฉินเข้ามาช่วยชีวิตอาจใช้เวลามากเนื่องจากรถฉุกเฉินใช้เวลาเข้าพื้นที่ไม่น้อยกว่า 8 นาที และด้วยสภาพการจราจรติดขัดของกรุงเทพฯทำให้ต้องใช้เวลาในการเดินทางเข้าพื้นที่มากยิ่งขึ้นซึ่งเสี่ยงต่อการเสียชีวิตของผู้ป่วยและการปั๊มหัวใจด้วยมือเพื่อช่วยชีวิตก็ทำให้ผู้ป่วยรอดชีวิตได้เพียง 5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่หากใช้เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ (Automated External Defibrillator (AED)) จะสามารถทำให้ผู้ป่วยรอดชีวิตได้ถึง 45 เปอร์เซ็นต์ แต่ เครื่องดังกล่าวปัจจุบันในพื้นที่กรุงเทพฯยังไม่มีการติดตั้งในพื้นที่สาธารณะที่ประชาชนสามารถหยิบใช้งานได้ ดังนั้น กทม. จึงได้ดำเนินโครงการจัดซื้อเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติติดตั้งในพื้นที่ต่าง ๆ ที่มีประชาชนใช้บริการหรือร่วมกันทำกิจกรรมจำนวนมากซึ่งมีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะพบผู้ที่มีภาวะฉุกเฉินหัวใจหยุดเต้น
          นายทวีศักดิ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้สำนักการแพทย์ กทม. ได้ทำการจัดซื้อเครื่องดังกล่าวนำร่องจำนวน 200 เครื่อง ราคาเครื่องละ 80,000 บาท รวมงบประมาณทั้งสิ้น 16 ล้านบาท ซึ่งจะติดตั้งเบื้องต้นในสำนักงานเขตทั้ง 50 เขต สวนสาธารณะขนาดใหญ่ 35 สวน ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหา นคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ศูนย์กีฬาและศูนย์เยาวชน รวม 47 แห่ง และหน่วยงานในสังกัด กทม. อื่น ๆ โดยในจุดที่ติดตั้งเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติจะมีการติดตั้งวิธีการใช้งานอย่างง่ายเพื่อให้ประชาชนสามารถใช้งานได้อย่างถูกต้องอีกทั้ง กทม. จะจัดการอบรมความรู้ในการใช้งานเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติแก่เจ้าหน้าที่ กทม. และประชาชนเพื่อให้สามารถใช้งานเครื่องได้อย่างเชี่ยวชาญอีกด้วยทั้งนี้การติดตั้งเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัตินำร่อง 200 เครื่อง นั้นจะเริ่มติดตั้งได้ในปลายปี 60 นี้.