Follow us      
  
  

หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ [ วันที่ 19/04/2555 ]
จับสาวรพ.ใช้เอกสารปลอมซื้อซูโดฯส่งนอกผลิต'ยาบ้า-ไอซ์'

       รวบ "น้องชมพู่" เจ้าหน้าที่คุมคลังยา รพ.เซ็นทรัลเมโมเรียล เชียงใหม่ ร่วม 4 ดีลเลอร์ บริษัทยายักษ์ใหญ่ปลอมแปลงเอกสารและใช้เอกสารปลอมสั่งซื้อยาซูโดอีเฟดรีนเดี่ยวแล้วนำไป ขายต่อให้กับโรงงานผลิตยาบ้า ยาไอซ์ในประเทศเพื่อนบ้าน รับได้ส่วนแบ่งแค่ปลอมเอกสาร ส่วนการสั่งซื้อยาและนำไปขายต่อเป็นเรื่องของดีลเลอร์ยาทั้งสี่ ตำรวจรู้ตัวหมดแล้วกำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลออกหมายจับ ด้าน "เหลิม" โว สกัดสารตั้งต้นได้เท่ากับมีชัยในสงครามยาเสพติด ดีเอสไอ ยัน สามารถแจ้งข้อกล่าวหากับผู้กระทำผิดลักลอบนำยาที่มีซูโดฯ ออกจาก รพ.ลอตแรกได้ภายในเดือนนี้ ขณะที่ ครม. มีมติเพิ่มกองทุนแม่ของแผ่นดินอีกจังหวัดละ 20-50 แห่ง เนื่องในวโรกาสพระราชินีทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา
          ที่ บช.ภ. 5 จ.เชียงใหม่ เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 17 เม.ย. พล.ต.ต.ชำนาญ รวดเร็ว รอง ผบช.ภ.5 นายวิชัย ไชยมงคล ผอ.สำนักป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 5 นายอิศรา นานาวิชิต หัวหน้ากลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภค สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภาค 5 ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม น.ส.พิชญ์สิณี ประเสริฐศรี หรือ น.ส.ฐิฎาภรณ์ คำป๊ก อายุ 32 ปี หรือน้องชมพู่ ได้ที่บ้านพักเลขที่ 258/586 ต.วัดเกต อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่คลังเวชภัณฑ์ แผนกเภสัชกรรม โรงพยาบาลเซ็นทรัลเมโมเรียล อ.เมืองเชียงใหม่ ในข้อหาลักทรัพย์นายจ้างและข้อหาปลอมแปลงเอกสารและใช้เอกสารปลอม
          หลังจากมีหลักฐานว่า น.ส.พิชญ์สิณี เป็นคนลักลอบนำยาซูโดอีเฟดรีนจากโรงพยาบาลไปขายต่อ จากการสอบสวนทราบว่า ระหว่างเดือน พ.ค.-ก.ย. 2554 น.ส.พิชญ์สิณี ได้ทยอยขโมยยาซูโดอีเฟดรีนจากคลังยาในโรงพยาบาลไปหลายครั้งรวมกว่า 5,000 เม็ด และในช่วงเวลาเดียวกันยังปลอมแปลงแบบคำขอซื้อยาซูโดอีเฟดรีน ของโรงพยาบาลก่อนส่งใบสั่งซื้อไปยังตัวแทนจำหน่ายยาเพื่อซื้อยาซูโดอีเฟดรีนเดี่ยว และยาที่มีส่วนผสม รวมแล้วกว่า 375,000 เม็ด เมื่อได้ยามาแล้วจึงนำไปจำหน่ายต่ออีกทอดหนึ่ง
          พล.ต.ต.ชำนาญ รอง ผบช.ภ.5 เปิดเผยว่า ในระหว่างที่มีการดำเนินการกับผู้เกี่ยวข้องกับการสั่งซื้อยาซูโดอีเฟดรีนหลายราย ตำรวจภูธรภาค 5 ได้รับการประสานจากโรงพยาบาลเซ็นทรัลเมโมเรียลว่า ตรวจพบความผิดปกติในการสั่งซื้อยาและยังมียาหายไปจากคลังเวชภัณฑ์ของโรงพยาบาล พร้อมกับมอบอำนาจให้ น.ส.การะเกด กัณติพิพัฒน์กุล เป็นตัวแทนเข้าแจ้งความกับร้องทุกข์กับ พ.ต.ท.สวัสดิ์ หล้ากาศ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองเชียงใหม่ ต่อมาพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดเชียงใหม่ที่ 215/2555 จับกุมผู้ต้องหารายนี้ โดย น.ส.พิชญ์สิณี ให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกับดีลเลอร์ยาหลายบริษัทที่กรุงเทพฯ ทำกันเป็นขบวนการในการปลอมแปลงเอกสารสั่งซื้อยาซูโดอีเฟดรีน โดยตนรับหน้าที่ปลอมเอกสารของโรงพยาบาลสั่งซื้อยา ทางดีลเลอร์ของบริษัทยาจะดำเนินการไปสั่งซื้อจ่ายเงินที่บริษัท และนำยาไปขายต่อเอง ส่วนตนได้รับส่วนแบ่งแค่ปลอมแปลงเอกสารสั่งซื้อยาเท่านั้น
          รอง ผบช.ภ.5 กล่าวต่อว่า สำหรับดีลเลอร์ยามี 4 คน ที่เกี่ยวข้องล้วนทำงานให้กับบริษัทยายักษ์ใหญ่ที่ผลิตยาที่มีส่วนผสมของสารซูโดอีเฟดรีน พอดีลเลอร์ยาเหล่านี้รับยามาแล้วจะนำส่งให้ผู้รวบรวมแกะเม็ดออก ก่อนจะลำเลียงยาทั้งหมดส่งให้กับโรงงานผลิตยาเสพติดที่ประเทศเพื่อนบ้านผลิตยาบ้า และยาไอซ์ ส่งกลับมาขายในประเทศไทย ซึ่งขณะนี้เรารู้หมดแล้วว่าดีลเลอร์ยาทั้งหมดมีใครบ้างเครือข่ายโยงใยเป็นอย่างไร ตอนนี้กำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อจะขออนุมัติศาลออกหมายจับทั้งหมด เครือข่ายเหล่านี้เท่าที่ทราบเชื่อมโยงกับกรณีของโรงพยาบาลสยามราษฎร์ ที่เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลร่วมกับดีลเลอร์ยาสั่งซื้อยา และยังเชื่อมโยงกับซองยาที่พบจำนวนมหาศาลที่ อ.สันกำแพง อ.แม่อาย และที่ จ.พะเยา เครือข่ายนี้เป็นเครือข่ายใหญ่มีผู้เกี่ยวข้องจำนวนมาก ตอนนี้เราต้องขอเวลาหาพยานหลักฐานเพื่อจะได้กวาดล้างจับกุมทั้งหมดต่อไป
          วันเดียวกัน ที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดี ดีเอสไอ กล่าวถึงกรณีที่ดีเอสไอออกหมายเรียกถึงหัวหน้าหน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุข 3 หน่วยงาน คือ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) เข้าให้ปากคำคดีทุจริตเบิกจ่ายยาแก้หวัดสูตรผสมซูโดอีเฟดรีนว่า ดีเอสไอได้เตรียมพนักงานสอบสวนที่จะสอบปากคำร่วมกับพนักงานอัยการคดีพิเศษ เริ่มตั้งแต่ช่วง 10.00 น. ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อจากกระทรวงสาธารณสุขว่าจะส่งผู้ใดเข้าให้ปากคำ โดยดีเอสไอต้องการให้ทั้ง 3 หน่วยงานชี้แจงถึงอำนาจหน้าที่ของแต่ละหน่วยงาน รวมถึงหลักเกณฑ์การควบคุมดูแล และข้อมูลความผิดปกติในการเบิกจ่ายยาแก้หวัดของแต่ละโรงพยาบาลตามอำนาจหน้าที่ โดยจำเป็นต้องชี้แจงจนสิ้นข้อสงสัย
          นายธาริต กล่าวอีกว่า ดีเอสไอยังมีหมายเรียกไปถึงผู้อำนวยการโรงพยาบาลและเจ้าของคลินิกรวม 11 แห่ง ซึ่งกำชับให้ผู้บริหารต้องเข้าให้ปากคำพร้อมพยานหลักฐานด้วยตัวเอง โดยแบ่งการให้ปากคำในวันที่ 19 เม.ย. จำนวน 6 แห่ง ประกอบด้วย โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี จ.อุดรธานี โรงพยาบาลทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์ โรงพยาบาลกมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ โรงพยาบาลภูสิงห์ ศรีสะเกษ โรงพยาบาลดอยหล่อ และโรงพยาบาลฮอด จ.เชียงใหม่ ส่วนอีก 5 แห่ง กำหนดเข้าให้ปากคำวันที่ 20 เม.ย. ประกอบด้วย โรงพยาบาลนวมินทร์ 1 กรุงเทพฯ โรงพยาบาลสยามราษฎร์ จ.เชียงใหม่ โรงพยาบาลหนองกี่ จ.บุรีรัมย์ คลินิกแพทย์สุพรชัย จ.ลพบุรี คลินิกหมอสัมพันธ์เวชกรรม จ.เชียงใหม่
          นายธาริต กล่าวต่อว่า หลังขั้นตอนการให้ปากคำแล้ว ดีเอสไอจะทยอยแจ้งข้อกล่าวหาหากพบว่ามีพยานหลักฐานพบการกระทำความผิดชัดเจน โดยคดีดังกล่าวมีกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 6 ฉบับ คือ ประมวลกฎหมายอาญา, พ.ร.บ.ยา, พ.ร.บ.วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท, พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ, พ.ร.บ.การปราบปรามการฟอกเงิน และ พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด เบื้องต้นดีเอสไอจะเปิดโอกาสให้ผู้เกี่ยวข้องนำหลักฐานเข้าชี้แจงอย่างเต็มที่ ซึ่งนอกจากกลุ่มผู้บริหารโรงพยาบาลแล้วจะเรียกเภสัชกรในโรงพยาบาลต่าง ๆ เข้าให้ปากคำด้วย ทั้งนี้คาดว่าภายในเดือน เม.ย.นี้ จะสามารถแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ถูกกล่าวหาลอตแรกจำนวนหลายรายได้แน่นอน
          ขณะเดียวกัน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในการติดตามคดีการลักลอบขายสารซูโดอีเฟดรีน ว่า ตนกำชับให้ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ให้จับกุมทันทีหากพบผู้กระทำผิดโดยไม่ต้องลังเลแม้ว่าจะเป็นข้าราชการระดับใดก็ตาม ซึ่งขณะนี้ได้ออกหมายเรียกแล้ว โดยพบผู้กระทำผิดแบ่งเป็น 2-3 ระดับ และหากคนที่กระทำผิดเป็นข้าราชการจะให้ อปท. ดำเนินการสอบสวน ส่วนบุคคลอื่นให้ดีเอสไอดำเนินการได้ทันทีตามขั้นตอนกฎหมาย โดยย้ำว่าหากสกัดสารซูโดอีเฟดรีนได้ก็จะได้รับชัยชนะในสงครามยาเสพติด
          ร.ต.อ.เฉลิม ยังกล่าวย้ำว่า มีสองแนวทางในการปราบปรามยาเสพติด ได้แก่ การสกัดกั้นตามแนวชายแดนและการสกัดสารตั้งต้น โดยตนจะลงพื้นที่ติดตามการแก้ไขปัญหายาเสพติดในวันที่ 27-30 เม.ย.นี้ ในแถบจังหวัดภาคอีสาน โดยเริ่มต้นที่ จ.กาฬสินธุ์ สกลนคร มุกดาหาร สุรินทร์ และสิ้นสุดที่ จ.บุรีรัมย์ เนื่องจากในช่วงหลังสงกรานต์ที่ผ่านมามีการลักลอบขนส่งยาเสพติด แต่เจ้าหน้าที่สามารถสกัดไว้ได้ โดยพบว่าขณะนี้มีการหลบเลี่ยงไม่ใช้เส้นทางสายหลักในการขนส่งยาเสพติดในภาคอีสาน
          ด้าน นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา รองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม ครม. ว่า เนื่องในปี 2555 เป็นปีที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา ประกอบกับรัฐบาลได้กำหนดนโยบายให้ปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติโดยมียุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดเป็นยุทธศาสตร์หลักในการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลในการระดมสรรพกำลังของทุกภาคส่วนเป็นพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในโอกาสกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา ในวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2555 ภายใต้กองทุนแม่ของแผ่นดิน ที่เกิดจากพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์สมทบกับงบประมาณของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. เพื่อให้กับหมู่บ้าน ชุมชน มีส่วนในการเป็นแกนเฝ้าระวังและป้องกันยาเสพติด รวมทั้งเป็นศูนย์เรียนรู้ชุมชนด้านยาเสพติดให้กับหมู่บ้านอื่น ๆ ซึ่งพระราชทานเงินกองทุนแม่ของแผ่นดิน ตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปัจจุบัน รวม 12,189 หมู่บ้าน และชุมชนทั่วประเทศ ทั้งนี้ ได้ขยายกองทุนแม่ของแผ่นดินเพิ่มขึ้นใหม่ในปี 2555 จังหวัดละ 20-50 แห่ง โดยยึดหลักคุณภาพในทุกกระบวนการเพื่อให้ได้กองทุนแม่ของแผ่นดินที่จะเข้ารับพระราชทานเชิงคุณภาพ
          นพ.โสภณ เมฆธน รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนกลางกรณียาแก้หวัดสูตรผสมซูโดอีเฟดรีนหายไปจาก รพ. ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขหลายแห่ง กล่าวว่า ตามที่มีข้อสังเกตว่า ทำไม รพ.ที่มีปัญหาเรื่องการเบิกจ่ายยาแก้หวัดสูตรผสมซูโดอีเฟดรีน ผอ.รพ.บางคนจึงโดนย้ายมาส่วนกลางแต่บางคนไม่โดนย้ายนั้น อย่างกรณี รพ.อุดรธานี รพ.ภูสิงห์ รพ.เสริมงาม แม้จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการ กระทำความผิดแต่มีหน้าที่กำกับดูแลดังนั้นจึงได้นำสนอต่อปลัดกระทรวงสาธารณสุขย้ายมาช่วยราชการที่ส่วนกลาง คือที่ สำนักวิชาการ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข และสอบสวนวินัยไม่ร้ายแรง โดยคำสั่งมีผลตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งตามขั้นตอนต้องให้ข้าราชการที่ถูกย้ายเซ็นรับทราบคำสั่งก่อน
          ส่วนการเข้าชี้แจงกับดีเอสไอ ในวันที่ 18 เม.ย.นี้ นพ.โสภณ เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจากปลัดกระทรวงสาธารณสุขให้เข้าชี้แจงต่อดีเอสไอในเวลา 09.30 น.ซึ่งคำถามที่ดีเอสไอถามมา เช่น 1.ระบบการจัดซื้อยา การควบคุมการเบิกจ่ายยากระทรวงสาธารณสุขมีระบบอย่างไร 2.กรณียาแก้หวัดสูตรผสมซูโดอีเฟดรีนหายไป กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการอย่างไร และใครรับผิดชอบ ซึ่งในการเข้าชี้แจงครั้งนี้ก็ไม่มีอะไรหนักใจ อย่างการจัดซื้อก็เป็นไปตามระเบียบพัสดุ อย่างไรก็ตาม ในการเข้าชี้แจงคงจะไปพร้อมกลุ่มเสริมสร้างวินัยและระบบคุณธรรมไปด้วย
          ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณี นายสมชาย แซ่โค้ว เภสัชกร รพ.อุดรธานี สธ.ดำเนินการอย่างไร นพ.โสภณ กล่าวว่า กรณีนี้ทางอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.ก.พ.) ประจำจังหวัด ที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานีมีมติให้ออกจากราชการ เข้าใจว่า สาเหตุจากละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ คือ ไม่ไปทำงานเกิน 15 วัน ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขคงต้องนำมติของทางจังหวัดเข้าหารือใน อ.ก.พ.กระทรวงอีกครั้ง อย่างไรก็ตามกรณียาแก้หวัดหายจาก รพ.นั้น อ.ก.พ.ยังไม่ได้พิจารณาในประเด็นนี้ว่าจะดำเนินการอย่างไรกับเภสัชกรคนดังกล่าว.

 pageview  1205021    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved