สื่อข่าวรายงานว่า นพ.สุรกิจ ยศพล รอง ผอ.โรงพยาบาลมหาสารคาม กล่าวว่า จากข้อมูลการฆ่าตัวตายในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กลุ่มจังหวัดเครือข่ายร้อยแก่นสารสินธุ์ ประกอบด้วย จ.ร้อยเอ็ด จ.ขอนแก่น จ.มหาสารคาม และ จ.กาฬสินธุ์ โดยการกำกับควบคุมดูแลของเขตบริการสุขภาพที่ 7 กระทรวงสาธารณสุขพบว่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา พบการฆ่าตัวตายเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีกาฬสินธุ์เป็นจังหวัดที่มีอัตราการฆ่าตัวตายเพิ่มสูงขึ้นถึง 6.61 ต่อประชากรแสนคน ซึ่งสูงกว่าอัตราการฆ่าตัวตายของประเทศที่เฉลี่ยอยู่ที่ 6.08 ต่ออัตราประชากรแสนคน รองลงมา คือ จ.มหาสารคาม จ.ขอนแก่น และ จ.ร้อยเอ็ด ส่วนใหญ่ผู้ที่จะฆ่าตัวตายอยู่ในกลุ่มวัยผู้ใหญ่ อายุระหว่าง 40-44 ปี ส่วนวิธีที่ใช้ในการฆ่าตัวตายพบว่าผูกคอตายมากที่สุด รองลงมา กินยาฆ่าแมลง
ทั้งนี้ จากสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่มีการแข่งขันสูง ประชาชนต้องดิ้นรนทำมาหากินเลี้ยงดูปากท้องของตนเองและครอบครัวทำให้เวลาในการผ่อนคลายร่างกายและจิตใจมีน้อย และการพูดคุยกับสมาชิกในครอบครัวก็ลดน้อยลง อาจเกิดความเครียดสะสมไม่สามารถจัดการกับความเครียดในตนเองได้ ซึ่งอาจพัฒนาเป็นภาวะซึมเศร้า ซึ่งหากไม่สามารถหันหน้าไปปรึกษาใครได้ หรือไม่มีใครเข้าใจและรับฟังปัญหา ก็จะมองไม่เห็นทางออก ส่งผลให้เกิดความรู้สึกสิ้นหวัง ไร้คุณค่าในตนเองมีความคิดอยากฆ่าตัวตาย จึงจำเป็นที่คนในครอบครัวและคนรอบข้างจะต้องช่วยกันดูแล
สำหรับประชาชนประสบปัญหาความเครียดหรือปัญหาสุขภาพจิต เกิดความกังวลใจจนไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติสุขสามารถมาขอคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่จะคอยพูดคุยหรือให้คำแนะนำ เพื่อให้ละความพยายามในการฆ่าตัวตายและสร้างขวัญกำลังใจให้มีชีวิตใหม่ที่ดีขึ้น โดยสามารถมาเข้ารับคำปรึกษาได้ที่คลินิกลีลาวดี รพ.มหาสารคาม ทุกวันจันทร์ศุกร์ และคลินิกนอกเวลา ในวันเสาร์ ตั้งแต่ 08.30- 12.00 น. โดยประชาชนจะได้รับบริการตรวจคัดกรองสุขภาพจิตและให้คำปรึกษาโดยจิตแพทย์.