Follow us      
  
  

หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ [ วันที่ 09/10/2555 ]
ล้างมือช่วยลดโอกาสติดเชื้อหวัดได้ 50%

  สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UN) ได้กำหนดให้วันที่ 15 ตุลาคมของทุกปี เป็นวันล้างมือโลก (Global Handwashing Day) เพื่อเป็นการรณรงค์ประชากรทั่วโลกหันมาให้ความสำคัญของการล้างมือด้วยสบู่อย่างถูกวิธีเป็นประจำ ตลอดจนเกิดการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งเป็นการป้องกันการติดเชื้อโรคที่สำคัญได้ทางหนึ่ง
          โดยวันล้างมือโลกถูกจัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2551 ปัจจุบันมีประเทศที่เห็นความสำคัญของการล้างมือและเข้าร่วมเป็นภาคีกว่า 83 ประเทศ ซึ่งประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในประเทศภาคีด้วยเช่นกัน และปีนี้ก็นับเป็นปีที่ 4 แล้วที่ โพรเทคส์ ร่วมกับ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ วิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก และบริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด จัดงานรณรงค์ "วันล้างมือโลก" ขึ้น
          พร้อมกันนี้ได้จัดให้เดือนตุลาคมเป็นเดือนแห่งสุขอนามัยที่ดี เพื่อกระตุ้นและปลูกฝังให้เกิดการล้างมืออย่างถูกวิธีจนเป็นนิสัย เพื่อช่วยลดการติดเชื้อโรคต่าง ๆ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน พร้อมเผยผลการวิจัยเบื้องต้นพบว่าการล้างมือด้วยสบู่สามารถช่วยลดการขาดเรียนของนักเรียนจากการติดเชื้อไข้หวัดได้ถึงร้อยละ 50
          มร.คอร์ราโด เจียควินโต  ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท คอลเกต ปาล์มโอลีฟ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์โพรเทคส์ ได้จัดให้มีกิจกรรมรณรงค์การล้างมืออย่างต่อเนื่องเสมอมา อาทิ โครงการสร้างอ่างล้างมือให้โรงเรียนน้องในถิ่นทุรกันดาร ในโครงการพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี  ซึ่งสามารถสร้างอ่างล้างมือให้ถึง 100 โรงเรียนทั่วประเทศ, การนำสื่อประชาสัมพันธ์การล้างมือไปรณรงค์ในร้านเซ็นทรัลฟู้ดฮอลล์, ท็อปส์ มาร์เก็ต, ท็อปส์ ซุปเปอร์ และท็อปส์ เดลี่ และในปีนี้ยังมีกิจกรรมรณรงค์เพื่อสังคม โดยล่าสุดยังได้จัดทำโครงการวิจัยล้างมือลดโรคในโรงเรียน เพื่อเป็นการสร้างการตระหนักรู้อย่างกว้างขวาง และกระตุ้นการล้างมือด้วยสบู่เพื่อสร้างสุขนิสัยที่ดีตั้งแต่วัยเด็ก ซึ่งงานวิจัยพบว่าการล้างมืออย่างถูกสุขลักษณะด้วยสบู่ลดการสะสมของแบคทีเรีย ช่วยลดโอกาสติดเชื้อหวัดได้ถึง 50%
          ภก.อินทิรา วงศ์อัญมณีกุล กลุ่มงานเภสัชกรรม โรงพยาบาลเลิดสิน และหัวหน้าโครงการวิจัยล้างมือลดโรคในโรงเรียน กล่าวว่า จากการที่ได้ทำโครงการวิจัยซึ่งเป็นการทดลองแบบสุ่มโดยมีกลุ่มเปรียบเทียบ โดยทำการศึกษาในเด็กนักเรียนชั้น ป.1-ป.4 ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง จำนวนประมาณ 553 คน ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 2555 โดยเก็บข้อมูลการขาดเรียนเนื่องจากเจ็บไข้ได้ป่วยในช่วงก่อน และหลังให้ความรู้ และกระตุ้นให้มีการปฏิบัติการล้างมืออย่างถูกวิธี รวมทั้งแจกสบู่โพรเทคส์ให้นำไปใช้ที่บ้าน เพื่อช่วยลดเชื้อโรคอันนำมาซึ่งการเจ็บป่วยและขาดเรียนที่พบในเด็กนักเรียนในโรงเรียน
          ผลจากการวิจัยเบื้องต้นพบว่า โรคต่าง ๆ ที่มีมือเป็นพาหะนำเชื้อโรคเข้าสู่ระบบต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น โรคไข้หวัด โรคท้องร่วง โรคผิวหนังอักเสบ โรคตาแดง เป็นต้น มีอัตราที่ลดลงหลังจากที่ให้ความรู้และกระตุ้นให้เกิดการล้างมือด้วยสบู่ ซึ่งผลการวิจัยเบื้องต้นที่สำคัญคือนักเรียนมีสถิติการขาดเรียนลดลง เนื่องจากติดเชื้อหวัดถึงร้อยละ 50 หรือจาก 156 คน เหลือเพียง 74 คน นอกจากนี้ยังพบว่าพฤติกรรมการล้างมือของนักเรียนก็เปลี่ยนไป โดยนักเรียนขยันล้างมือบ่อยขึ้นโดยที่ไม่ต้องบอกให้ล้างจำนวน 467 คน จาก 553 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 84
          ในปัจจุบัน ได้มีโรคติดต่อหลายชนิดเกิดขึ้นใหม่ เช่น ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่เคยระบาดในประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. 2552 ทำให้ประชาชนทั่วโลกเกิดความตื่นตัวในการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคมากขึ้น และมีการใช้อุปกรณ์เพื่อป้องกันโรคติดต่อเพิ่มขึ้น เช่น หน้ากากอนามัย ผ้าปิดจมูก ถุงมือ แต่หากพิจารณาถึงความคุ้มค่าจากวิธีการป้องกันดังกล่าว จะไม่มีวิธีใดที่ดีไปกว่า "การล้างมือด้วยสบู่"
          "กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมพฤติกรรมอนามัย สร้างสุขนิสัยที่ดีของประชาชนเพื่อป้องกันโรคติดต่อ ด้วยการรณรงค์เรื่องการล้างมือ ซึ่งมีคำแนะนำให้ประชาชนล้างมือทุกครั้งภายหลังทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น หลังการจามหรือไอ หลังสัมผัสสิ่งสกปรกหรือสิ่งของที่ใช้ร่วมกับผู้อื่น หลังออกจากห้องส้วม และก่อนรับประทานอาหาร  เป็นต้น โดยเน้นการล้างมือที่ถูกวิธีด้วยน้ำและสบู่ 7 ขั้นตอน ได้แก่ 1) ฝ่ามือถูกัน 2) ฝ่ามือถูหลังมือและนิ้วถูซอกนิ้ว 3) ฝ่ามือถูฝ่ามือและนิ้วถูซอกนิ้ว 4) หลังนิ้วมือถูฝ่ามือ 5) ถูนิ้วหัวแม่มือโดยรอบด้วยฝ่ามือ 6) ปลายนิ้วมือถูขวางฝ่ามือ และ 7) ถูรอบข้อมือ โดยทุกขั้นตอนทำ 5 ครั้ง สลับกันทั้ง 2 ข้าง การล้างมือด้วยวิธีการข้างต้น เป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพ เสียค่าใช้จ่ายน้อย และสามารถป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรคได้ดี ดังนั้นจึงควรปลูกฝังการสร้างสุขอนามัยที่ดีให้แก่ประชาชนคนไทย ตั้งแต่เด็ก ๆ เพื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีสุขอนามัยที่ดี โดยให้เด็ก ๆ ได้รู้จักวิธีการล้างมือที่ถูกต้อง และมีการปฏิบัติเป็นประจำ เพื่อให้เกิดนิสัยรักสุขภาพทั้งที่บ้าน ที่โรงเรียน หรือสถานที่อื่น ๆ ที่ไปร่วมกิจกรรม" นายแพทย์ ธีรพล  โตพันธานนท์รองอธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข  กล่าวสรุป. 
 

 pageview  1205143    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved