ผวาของอร่อยอันตราย "สธ." ประกาศห้ามผลิต-นำเข้า-ขาย "กรดไขมันทรานส์" ชี้เสี่ยงเกิดโรคหัวใจ-หลอดเลือดแย้มมันฝรั่ง ขนมขบเคี้ยว ครีมเทียม วิปปิ้งครีม เนยขาว มาร์การีน ขนมปังกรอบ แครกเกอร์ เนยเทียม เข้าข่ายของอร่อยอันตราย ด้าน "อย." เรียกคืนยาลดความดัน 5 ตำรับ หลังตรวจเจอสารก่อมะเร็งในวัตถุดิบที่ใช้ผลิต แต่เตือนผู้ป่วยอย่าขาดยาเด็ดขาดหวั่นเกิดโรคแทรกซ้อน ยอมยืดหยุ่นให้กินได้หากยังมีอยู่ แนะถือไปเปลี่ยนได้ที่ตามสิทธิ
          เมื่อวันที่ 15 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เลขที่ 388 พ.ศ.2561 เรื่องกำหนดอาหารที่ห้ามผลิตนำเข้า หรือจำหน่าย โดยระบุว่า ตามที่ปรากฏหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ที่ชัดเจนว่ากรดไขมันทรานส์(Trans Fatty Acids) จากน้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วน (PartiallyHydrogenated Oils) ส่งผลเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 วรรคหนึ่ง และมาตรา 6 (8) แห่งพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข ออกประกาศไว้ให้น้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วนและอาหารที่มีน้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วนเป็นส่วนประกอบเป็นอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้าหรือจำหน่าย
          ทั้งนี้ให้ประกาศดังกล่าวใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 180 วัน นับแต่วันที่ประกาศในราช กิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 13 มิ.ย. 2561 ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับอาหารที่มีกรดไขมันทรานส์เป็นส่วนประกอบด้วยมีอยู่หลายชนิด อาทิ อาหารฟาสต์ฟู้ดซึ่งใช้น้ำมันสำหรับทอด มันฝรั่ง ขนมขบเคี้ยว ครีมเทียม วิปปิ้งครีม เนยขาว มาร์การีน ขนมปังกรอบ แครกเกอร์ เนยเทียม เป็นต้น
          ด้าน นพ.วันชัย สัตยาวุฒิพงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวถึงการออกประกาศเรียกคืนยาวาลซาร์แทน(Valsartan)รักษาโรคความดันโลหิตสูง 5 ตำรับเนื่องจากพบสารก่อมะเร็งในวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตยา ออกจากท้องตลาด ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการเก็บออกจากท้องตลาดซึ่งเพิ่งประกาศไปเลยยังไม่มีข้อมูลการเรียกเก็บ แต่ขณะเดียวกัน อย.ได้เรียกดูข้อมูลจำนวนการผลิตและการขายจาก 2 บริษัทซึ่งคาดว่าน่าจะได้รับข้อมูลกลับมาภายในสัปดาห์นี้ ทั้งนี้ประชาชนที่มีการถือยาตัวที่ อย.ประกาศอยู่นั้นสามารถนำตัวยาดังกล่าวกลับไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลตามสิทธิเพื่อขอเปลี่ยนยาได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
          ขณะที่ นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการ อย. กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ยาวาลซาร์แทน (Valsartan) ซึ่งเป็นยารักษาโรคความดันโลหิตสูงใน 22 ประเทศทั่วโลกเนื่องจากมีการตรวจพบในตอนหลังว่ามีสาร dimethyl nitrosamine (DMN) ที่ก่อมะเร็งในหลอดทดลองซึ่งเกิดจากกระบวนการผลิตของสาร ตั้งต้นที่ผลิตในประเทศจีน อย่างไรก็ตามแม้จะยังไม่พบว่าก่อโรคในคนแต่เมื่อพบความไม่ปลอดภัยในสัตว์ทดลอง ซึ่งตามหลักการแล้วหากพบสารตัวใดเกิดอันตรายในสัตว์ทดลองแล้วให้ถือว่ามีโอกาสเกิดอันตรายกับมนุษย์ ดังนั้นหลายประเทศทั่วโลกจึงได้ออกมายกเลิกทะเบียนตำรับ รวมถึงประเทศไทยด้วย 5 ตำรับจาก 2 บริษัทตอนนี้อยู่ระหว่างการเรียกคืนยาจากท้องตลาด ทั้งนี้ยา 5 ตำรับนี้อยู่นอกบัญชียาหลักแห่งชาติจึงคาดว่าปริมาณการผลิตและการใช้ไม่มากนัก
          เมื่อถามว่า ผู้ป่วยที่กินยาใน 5 ตำรับตามประกาศเตือนจะต้องทำอย่างไร นพ.สุรโชค ชี้แจงว่า ประกาศนี้อาจทำให้ประชาชนตกใจจนไม่กล้ารับประทานยาลดความดันซึ่งอาจจะทำให้มีผลแทรกซ้อนที่อันตรายมาก ดังนั้นขอเตือนว่าอย่าขาดยา เพราะในข้อเท็จจริงยังมีตัวยาอื่นที่สามารถใช้ทดแทนกันได้ แต่ถ้าหากมียาตัวที่เป็นปัญหาอยู่ในมือสามารถไปเปลี่ยนยาที่สถานพยาบาลตามสิทธิได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นเบื้องต้นทาง 2 บริษัทยายินดีรับผิดชอบจ่ายคืนเงินและเปลี่ยนตัวยาที่ไม่มีปัญหาให้แทน ทั้งนี้หากยังไปเปลี่ยนยา ไม่ได้ก็สามารถกินยาตัวเดิมได้อย่างเช่นในสหรัฐอเมริกาการพบแพทย์เป็นเรื่องยากลำบาก ดังนั้นทางองค์การอาหารและยาของสหรัฐจึงยังให้ประชาชนทานยาตัวเดิมได้อยู่
          ในส่วนของ นพ.ศักดิ์ชัย กาญจวัฒนา เลขาธิการคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ปัจจุบันผู้ที่มีสิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(บัตรทอง) กว่า 49 ล้านคนนั้น พบว่าประมาณร้อยละ 15 เป็นผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับยาที่ถูกเรียกคืนออกจากท้องตลาดรวม 5 ตำรับ แบ่งเป็นของบริษัท สีลมการแพทย์ จำกัด 2 ทะเบียนตำรับ ได้แก่ 1.ยาVALATAN 80 ทะเบียนตำรับยาเลขที่ 1A 9/54 (NG) 2. ยาVALATAN160 ทะเบียนตำรับยาเลขที่ 1A 10/54 (NG) ส่วนของบริษัทยูนีซัน จำกัด มี 3 ทะเบียนตำรับ ได้แก่ 1.ยาVALSARIN 80 ทะเบียนตำรับยาเลขที่ 1A 4/60(NG) 2. ยาVALSARIN 160 ทะเบียนตำรับยาเลขที่ 1A5/60 (NG) และ 3.ยา VALSARIN 320 ทะเบียนตำรับยาเลขที่ 1A 6/60 (NG).