เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม ที่กรมควบคุมโรค นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) แถลงข่าวผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนดีดีซีโพลล์ เรื่อง "การตีตราผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ในสังคมไทย" ว่า จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างช่วงอายุ 15 ปีขึ้นไป ทั้งหมด 3,024 คน ในพื้นที่กรุงเทพฯ และ 4 ภูมิภาค รวม 24 จังหวัด ดำเนินการช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2558 พบข้อมูลที่สำคัญ ได้แก่ 1.ด้านความรู้สึก คนไทยยังมีความรู้สึกรังเกียจผู้ติดเชื้อเอชไอวี (ยังไม่แสดงอาการ) ร้อยละ 20.7 เพิ่มขึ้นจากปี 2557 ที่อยู่ที่ร้อยละ 11.5 รวมทั้งรังเกียจผู้ป่วยเอดส์ ร้อยละ 43.3 เพิ่มขึ้นจากปี 2557 ที่อยู่ที่ร้อยละ 29.1 2.ด้านการบังคับให้ตรวจหาเชื้อเอชไอวี คนไทยเห็นว่าควรตรวจกรณีก่อนสมัครเรียน ร้อยละ 48 ขณะที่ตอบว่าไม่ควร ร้อยละ 30.3 กลุ่มที่ตอบว่าไม่ควรส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง อายุ 35-44 ปี และมีผู้ป่วยหรือผู้ติดเชื้อที่เป็นคนรู้จัก กรณีก่อนบวช เห็นว่าควรตรวจร้อยละ 50.4 ไม่ควรร้อยละ 29.6 ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย อายุ 15-24 ปี กรณีก่อนสมัครเข้าทำงาน เห็นว่าควรตรวจร้อยละ 58.5 ลดลงจากปี 2557 ที่อยู่ที่ร้อยละ 73.1 ส่วนที่เห็นว่าไม่ควรตรวจร้อยละ 21.4

          3.ด้านพฤติกรรม ว่ายน้ำในสระเดียวกันกับผู้ติดเชื้อเอชไอวี ไม่ยินดีร้อยละ 51.2 ยินดีร้อยละ 19 นอกจากนี้อยู่ร่วมบ้านกับคนในครอบครัวที่ติดเชื้อเอชไอวี ไม่ยินดีร้อยละ 36.5 ยินดีร้อยละ 35.3 กินข้าวกับคนในครอบครัวที่ติดเชื้อเอชไอวี ไม่ยินดีร้อยละ 31.3 ยินดีร้อยละ 43.6  ให้ลูกเรียนหนังสือร่วมชั้นกับเด็กที่ติดเชื้อเอชไอวี ไม่ยินดีร้อยละ 40.9 ยินดีร้อยละ 29.6 ให้ลูกเล่นกับเด็กที่มีเชื้อเอชไอวี ไม่ยินดีร้อยละ 47.4 ยินดีร้อยละ 22.4

          4.ถ้าท่านติดเชื้อเอชไอวี จะบอกคนในครอบครัวหรือไม่ บอกร้อยละ 46.2 ลดลงจากปี 2557 ที่อยู่ที่ร้อยละ 79.4 ส่วนไม่บอกร้อยละ 28.9  และ 5.การรับรู้เกี่ยวกับเรื่องเอชไอวี/เอดส์  คนไทยทุกคนมีสิทธิ์ได้รับบริการตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ที่สถานพยาบาลของรัฐฟรี ปีละ 2 ครั้ง ตอบว่าใช่ ร้อยละ 43.5 ตอบว่าไม่ใช่และไม่แน่ใจรวมร้อยละ 56.5 และเมื่อตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์และมีผลเลือดเป็นบวกคนไทยทุกคนมีสิทธิ์จะได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสฟรี ตอบว่าใช่ ร้อยละ 19.6 ตอบว่าไม่ใช่และไม่แน่ใจ ร้อยละ 80.4 ทั้งนี้ จากผลการสำรวจดังกล่าวกรมจะเร่งดำเนินการให้ความรู้เรื่องโรคและสิทธิของคนไทยเพิ่มมากขึ้น เพื่อลดการตีตราและกีดกันผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์

          ด้าน น.ส.จารุณี ศิริพันธุ์ รองผู้อำนวยการมูลนิธิคุ้มครองสิทธิด้านเอดส์ กล่าวว่า ข้อเสนอแนะเพื่อทำลายภาพจำและลดการตีตราจะต้องสื่อสารข้อเท็จจริงใน 3 ประเด็นหลัก คือ 1.สร้างความเข้าใจว่าใครก็สามารถติดเชื้อเอชไอวีได้ถ้าไม่ป้องกัน 2.เมื่อติดเชื้อสามารถมีชีวิตยืนยาวได้ เพราะมียารักษาและยาป้องกันโรคต่างๆ ที่เข้ามาฉวยโอกาส ขณะที่ภูมิคุ้มกันในร่างกายต่ำและมียาต้านไวรัสเอชไอวีช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน เพราะฉะนั้นเมื่อเป็นให้เดินเข้าสู่ระบบการรักษา ซึ่งก็ไม่ต่างจากการรักษาโรคเรื้อรังอื่นๆ เช่น เบาหวาน และ 3.การใช้ชีวิตร่วมกัน อยู่บ้านเดียวกัน กินข้าว เรียน ทำงาน ทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันไม่ติดเชื้อเอชไอวี