ระทึกตำรวจเมืองตรังตั้งด่านตรวจยาเสพติด คนร้ายแหกด่าน 2 จุดชนตำรวจเจ็บ 2 ยิงปะทะสนั่นก่อนหนีลอยนวล

          เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ต.อ.ตรีวิทย์ ศรีประภา รอง ผบก.ภ.จ.ตรัง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด และเจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันปราบปราม สภ.เมืองตรัง จำนวน 50 นาย ปล่อยแถวตั้งด่านจุดสกัด 2 จุด ที่บริเวณถนนเพลินพิทักษ์ ในเขตเทศบาลนครตรัง หน้าวัดกุฏิยาราม และหน้าบริษัทฟอร์ดตรัง เพื่อตรวจค้นอาวุธปืนและยาเสพติดนักท่องเที่ยวในช่วงผับปิด ซึ่งมีการก่อเหตุในช่วงดังกล่าวมากที่สุด และกวดขันตรวจค้นอาวุธปืนในช่วงเทศกาลวันลอยกระทง

          เจ้าหน้าที่ได้ตรวจค้นรถที่สัญจรไปมาในบริเวณดังกล่าวอย่างละเอียด พบรถยนต์มิตซูบิชิ รุ่นปาเจโร่ สีบรอนซ์ทอง ไม่ทราบป้ายทะเบียน ได้ขับรถแหกด่านเข้าไปในวัดกุฏิยาราม (วัดกุฏินอก) ถนนเพลินพิทักษ์ จึงส่งรถไล่ตามเพื่อสกัดให้หยุด แต่รถคันดังกล่าวกลับพุ่งชนเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 2 นาย จากนั้นได้ขับออกจากวัดกุฏิยารามไปยังบริเวณถนนเพลินพิทักษ์อีกครั้ง ซึ่งมีด่านสกัด 2 จุดทั้งซ้ายขวา ซึ่งรถคันดังกล่าวพุ่งเข้าชนด่านด้วยความเร็วสูง และกลับรถไปยังด่านหน้าวัดกุฏิยารามอีกครั้ง เพื่อจะหลบหนีให้พ้นด่านสกัดทั้ง 2 ด่าน ในที่สุดเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องใช้อาวุธปืนยิงสกัดเข้าที่ล้อรถยนต์ของคนร้ายเพื่อให้หยุดรถ แต่คนร้ายยิงปะทะโต้ตอบเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนจะพุ่งชนด่านแผงกั้นตรงหน้าวัดกุฏิยารามหลบหนีไปได้ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สั่งกำลังติดตามรถคันดังกล่าวอย่างถึงที่สุด

          จากการสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ ทราบว่า รถที่ก่อเหตุน่าจะเป็นรถที่อยู่ในพื้นที่ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเร่งติดตามตัวคนร้ายมารับผิดอย่างเร็วที่สุด เพราะคนร้ายกระทำการไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ส่วนเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย คือ ด.ต. กิตตินนท์ ช่วยหวัง ผบ.หมู่(ป.)สภ.เมืองตรัง ได้รับบาดเจ็บที่เข่าซ้าย และ ส.ต.อ.วราวุฒิ หนูนุ่ม ผบ.หมู่(ป.)สภ.เมืองตรัง ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณเข่าขวาและข้อศอกด้านขวา แต่ได้รับการปฐมพยาบาลจากหน่วยกู้ภัยมูลนิธิกุศลสถานตรังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

          เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 17 พฤศจิกายน ที่สำนักงาน ป.ป.ส. พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการ ป.ป.ส. ร่วมกับ พล.ต.ต.ชาลี เทพา รอง ผบช.ตชด. พล.ต.บรรเจิด ฉางปูนทอง ผบ.กกล.ผาเมือง และ พ.อ.วัชรพงศ์ แก้วแจ้ง ผบ.ฉก.ทพ.31 รวมกันแถลงข่าวการขยายผลเครือข่ายนักค้ายาเสพติดภาคเหนือ ที่ลักลอบนำยาเสพติดส่งให้ผู้ค้ารายย่อยในชุมชนเฝ้าระวังสูงสุด 5 แห่ง ในพื้นที่กรุงเทพฯ ได้แก่ ชุมชนวัดดวงแข ชุมชนสะพานปูน ชุมชนวัดพระยาไกร (ระยะ 3) ชุมชนสุเหร่าแดง และชุมชนวังโสม โดยจับกุมผู้ต้องหาชาวไทยได้ 2 คน ยึดของกลางยาบ้า 496,000 เม็ด ไอซ์ 31 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท และติดตามยึดทรัพย์อีกกว่า 50 ล้านบาท จึงดำเนินคดีในข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า ไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ซึ่งมีโทษสูงสุดประหารชีวิต ขณะนี้อยู่ระหว่างขยายผลจับกุมบุคคลอื่นๆ ในเครือข่ายมาดำเนินคดี

          พล.ต.อ.พงศพัศ เปิดเผยว่า จากการที่สำนักงาน ป.ป.ส.ได้ประกาศพื้นที่เฝ้าระวังยาเสพติดสูงสุดในพื้นที่ 5 ชุมชนของกรุงเทพมหานคร และต่อมาได้ดำเนินการปิดล้อม เอกซเรย์เชิงรุกในพื้นที่ 5 ชุมชนดังกล่าว เพื่อสืบสภาพเกี่ยวกับกลุ่มพ่อค้ารายย่อยในชุมชนและดำเนินการเชื่อมโยงโครงข่ายกับกลุ่มเครือข่ายค้ายาเสพติดในภาคเหนือ ซึ่ง สำนักงาน ป.ป.ส.พบว่ามีพ่อค้ารายย่อยที่เคลื่อนไหวอยู่ในชุมชนเฝ้าระวังสูงสุดของ กทม.ทั้ง 5 ชุมชน รวม 69 คน และจากการตรวจสอบพบว่า กลุ่มพ่อค้ารายย่อยเหล่านี้รับยาบ้าและยาไอซ์มาจากกลุ่มชาวม้ง (นายโจ) ที่รับยามาจากฝั่งประเทศพม่าด้าน จ.เชียงราย โดยมีคนไทยเป็นผู้ขนมาจำหน่ายอีกทอดหนึ่ง สำนักงาน ป.ป.ส.จึงได้สืบสวนด้านการข่าวต่อจนพบแน่ชัดว่า ผู้ต้องหาคือกลุ่มคนไทยที่ทำการขนยาบ้าและยาไอซ์มาส่งให้กลุ่มพ่อค้ารายย่อยในชุมชนทั้ง 5 แห่งดังกล่าว จึงประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามจนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 คน พร้อมของกลางยาเสพติดได้ที่บริเวณถนนสายเชียงราย-เทิง หน้าโรงเรียนเวียง อ.เทิง จ.เชียงราย

          พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้เป็นการสกัดกั้นไม่ให้ยาเสพติดเข้ามากระจายในแหล่งแพร่ระบาดในชุมชนเฝ้าระวังสูงสุด 5 แห่ง เพื่อหยุดการแพร่ระบาดของยาเสพติดให้ได้อย่างเด็ดขาด และลดความเดือดร้อนจากปัญหาอาชญากรรมที่เป็นผลสืบเนื่องมาจากปัญหายาเสพติด รวมทั้งอีก 45 ชุมชนเฝ้าระวังสูงสุดในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศด้วย ส่วนผู้เสพในชุมชนเฝ้าระวังสูงสุดในพื้นที่ 5 แห่งของ กทม. ซึ่งมีอยู่ประมาณ 182 คน สำนักงาน ป.ป.ส.ได้ประสานกับกระทรวงสาธารณสุขนำเข้ารับการบำบัดโดยเร่งด่วนแล้ว

          วันเดียวกัน เมื่อเวลา 12.00 น. ที่ สน.ตลิ่งชัน พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบก.น.7 พ.ต.ท.วิเชียร แสงพิทักษ์ รอง ผกก.ปป.สน.ตลิ่งชัน ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายสราวุธ ขุนหลัด อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 100 หมู่ 12 ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช และ นายจำเริญ โต๊ละหวี อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 49/6 หมู่ 13 ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช พร้อมของกลางยาบ้า 4 หมื่นเม็ด โดยจับกุมได้ที่หน้าสถานีขนส่งสายใต้ แขวงฉิมพลี เขตตลิ่งชัน กทม.

          พล.ต.ต.ปิยะ เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่า กลุ่มผู้ค้ายาเสพติดจะลักลอบขนยาบ้าส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ภาคใต้ โดยนัดรับมอบยาเสพติดบริเวณสถานีขนส่งสายใต้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่หาข่าวกระทั่งเวลา 20.00 น. วันที่ 16 พฤศจิกายน เจ้าหน้าที่พบผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ท่าทางมีพิรุธกำลังจะเดินเข้าไปภายในสถานีขนส่งสายใต้ ในมือถือถุงพลาสติกสีชมพูต้องสงสัย จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้นพบยาบ้าจำนวนดังกล่าว

          จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ โดยอ้างว่า ได้รับการว่าจ้างจาก นายไก่ ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง โทรศัพท์ติดต่อให้มารับยาบ้าจากกรุงเทพฯ เพื่อนำไปส่งต่อที่ อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช โดยจะได้ค่าจ้างมัดละ 1 หมื่นบาท ซึ่งทั้ง 2 คน ได้ค่าจ้างล่วงหน้าเป็นเงิน 4,000 บาท จากนั้นวันที่ 14 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ทั้ง 2 คน จึงเดินทางมาที่ กทม.และเปิดห้องพักใกล้ๆ กับสถานีขนส่งสายใต้ กระทั่งช่วงเย็นวันที่ 16 พฤศจิกายน นายไก่โทรศัพท์มา บอกให้ไปรับยาบ้าที่มีคนนำมาวางไว้เป็นถุงพลาสติกสีชมพูบริเวณริมถนนบรมราชชนนีขาเข้า ใกล้กับสะพานลอยตรงข้ามสถานีขนส่งสายใต้ จากนั้นจึงเดินไปหยิบถุงดังกล่าวก่อนเดินข้ามสะพานลอยเพื่อเข้าไปซื้อตั๋วเดินทางไป จ.นครศรีธรรมราช โดยเพิ่งทำเป็นครั้งแรกก็มาถูกจับกุม

          เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ตรวจปัสสาวะทั้งสองคนไม่พบฉี่เป็นสีม่วง จากการตรวจสอบประวัติทั้ง 2 คน ไม่พบว่ามีประวัติอาชญากรรมแต่อย่างใด สำหรับยาบ้าดังกล่าวตรวจสอบพบว่าเป็นเครือข่ายในเรือนจำนครศรีธรรมราช จึงแจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ก่อนส่งตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป