งูเข้าบ้านกลายเป็นหนึ่งปัญหาของประชาชนที่อาศัยอยู่ในเมืองและชนบท สาเหตุมาจากการขยายของเมือง ทำให้งูหลายชนิดปรับตัว และล่าเหยื่อที่มีอยู่จำนวนมาก เช่น หนูตามท่อระบายน้ำ เป็นต้น ปัญหาดังกล่าวนำมาซึ่งคำถาม เช่น งูเข้าบ้านได้อย่างไร จะป้องกันงูเข้าบ้านได้ไหม เมื่อโดนกัดต้องไปที่ไหน เป็นต้น

          น.สพ.ทักษะ เวสารัชชพงศ์ สวนงู สถานเสาวภา สภากาชาดไทย กล่าวว่า ในไทยมีงูมีมากกว่า 200 ชนิด มักอยู่ตัวเดียว ไม่สร้างรัง แต่จะเข้าไปอาศัยในบริเวณที่มีอุณหภูมิเหมาะสม เช่น ใต้รอยทรุดของตัวบ้านหรืออาคาร กองวัสดุ เมื่อเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ จะออกมาหาคู่ แม่งูจะตั้งท้องและหาที่วางไข่

          กรณีที่พบงูในบ้านมีหลักปฏิบัติดังนี้ 1.ตั้งสติ อย่าจับหรือตีเด็ดขาด 2.หากพบงูกำลังเลื้อยผ่านในที่โล่ง ปล่อยให้งูเลื้อย ออกไปจากบ้านเอง 3.ถ้างูซ่อนตัวในบ้าน ไม่มีทีท่าจะเลื้อยออก ให้กันให้งูอยู่ในบริเวณที่จำกัด 4.โทรศัพท์แจ้งอาสาสมัครให้มาช่วยจับงู

          วิธีป้องกันงูเข้าบ้านได้ดีที่สุดคือ ต้องจัดการบริเวณบ้านให้ไม่เหมาะสม ดังนี้ 1.ทำให้บ้านไม่มีอาหารของงู เช่น หนู กบ เป็นต้น ดูแลบ้านไม่ให้มีเศษอาหาร ป้องกันไม่ให้หนูมากิน อย่าให้มีแหล่งน้ำขังเป็นที่วางไข่ของกบ

          2.ลดบริเวณที่งูจะเข้า เช่น ปิดรอยทรุดใต้ตัวบ้าน 3.ป้องกันช่องทางที่งูอาจใช้เป็นทางผ่าน เช่น ตัดกิ่งไม้ที่ยื่นเข้ามาในบ้าน ติดตะแกรงที่ฝาท่อระบายน้ำ เป็นต้น 4.ใช้ตาข่ายตาถี่ๆ ขึงโดยรอบบริเวณที่ไม่อยากให้งูผ่าน

          คำถามที่พบบ่อยก็คือ งูมีพิษหรือไม่มีพิษ ควรจดจำลักษณะเด่นของงูพิษที่อาจเจอบ่อย เช่น งูเห่าจะแผ่แม่เบี้ยได้ และมีลายดอกจัน งูเขียวหางไหม้ จะมีส่วนหัวเป็นรูปสามเหลี่ยม

          งูพิษที่มักพบบ่อยและมีอันตราย อาทิ งูเห่า งูเห่าพ่นพิษ งูสามเหลี่ยม งูจงอาง งูกะปะ เป็นต้น ส่วนงูไม่มีพิษ อาทิ งูเหลือม งูหลาม งูสิง เป็นต้น

          กรณีถูกงูกัด ถ้าเป็นงูพิษหรือไม่ทราบชนิดงู ควรรีบไปพบแพทย์ และควรปฐม พยาบาลดังนี้ 1.ทำให้ผู้ป่วยคลายกังวล 2.ให้นอนในท่าที่สบาย 3.ใช้ผ้ายืดหน้ากว้าง 10-15 ซ.ม. ยาวอย่างน้อย 4.5 เมตร พันส่วนที่ถูกกัดทั้งอวัยวะ พอกระชับ 4.ดามอวัยวะส่วนที่ถูกกัดด้วยของแข็ง 5.ห้ามกรีด ถู นวดแผล เพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อ