ผศ.พญ.พัชราภา ทวีกุล ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึงภาวะโรคอ้วนในเด็กว่า ปัจจุบันมีเด็กและผู้ใหญ่ที่เป็นโรคอ้วนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ การป้องกันหรือเริ่มวินิจฉัยภาวะอ้วน ตั้งแต่เริ่มแรกเป็นสิ่งสำคัญ พ่อแม่และผู้ปกครองสามารถทราบได้ว่า ลูกเริ่มมีภาวะน้ำหนักเกิน หรือเป็นโรคอ้วนแล้ว โดยการติดตามชั่งน้ำหนักและวัดส่วนสูงลูกเป็นระยะๆ โดยนำค่าน้ำหนักและส่วนสูงที่วัดได้ มาเปรียบเทียบในกราฟแสดงน้ำหนักและส่วนสูง ซึ่งกราฟสามารถดูได้จากสมุดตรวจร่างกาย หรือโรงพยาบาล สถานพยาบาลที่ตรวจสุขภาพหรือฉีดวัคซีน ซึ่งจะแสดงค่าเฉลี่ยของเด็กไทยเพศเดียวกัน
ผศ.พญ.พัชราภากล่าวต่อว่า เกณฑ์การวินิจฉัยตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก ระบุว่า โรคอ้วน (Obesity) คือ น้ำหนักตัวของลูก สูงกว่าค่าเฉลี่ยของน้ำหนักตามเกณฑ์ส่วนสูงของเด็กเกิน 3 เท่าของค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ภาวะน้ำหนักเกิน หรือ เริ่มอ้วน (overweight) คือ น้ำหนักตัวของลูก สูงกว่าค่าเฉลี่ยของ น้ำหนักตามเกณฑ์ส่วนสูงของเด็กเกิน 2 เท่า จนถึง 3 เท่าของค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน เช่น เด็กหญิงอิ่ม อายุ 4 ขวบ มีน้ำหนัก 25 ก.ก. และส่วนสูง 105 ซ.ม. เมื่อนำมาเปรียบเทียบ ก็จะพบว่ามีเกณฑ์เฉลี่ยสูงกว่าในเด็กอายุเฉลี่ยเดียวกัน และอยู่ในเกณฑ์วินิจฉัยโรคอ้วน
ผศ.พญ.พัชราภากล่าวว่า การติดตามส่วนสูงน้ำหนักของเด็กทำให้ทราบว่า ลูกเริ่มมีภาวะน้ำหนักเกิน หรืออ้วน หรือผอมเกินไปหรือไม่ ซึ่งเมื่อพบภาวะเกิน ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อตรวจหาภาวะแทรกซ้อน รับคำแนะนำเรื่องการให้อาหารและนม การเคลื่อนไหวร่างกาย และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เหมาะสมตามวัย เพื่อเป็นแนวทางดูแลเด็กอย่างเหมาะสม ลดความรุนแรง และภาวะแทรกซ้อนของโรคอ้วน หรือหากปล่อยให้เด็กอยู่ในภาวะผอมเกินไป ก็จะทำให้เสี่ยงต่อการขาดสารอาหารที่จำเป็น ซึ่งอาจส่งผลต่อการเรียนรู้ การเจริญเติบโตที่เหมาะสมได้