เมื่อวันที่ 30 มี.ค. แผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับเครือข่ายเสียงประชาชน (WE VOICE) เปิดผลสำรวจความคิดเห็นของเด็กนักเรียนชั้น ป.1-ป.6 ของโรงเรียนรัฐบาลและเอกชน อายุระหว่าง 6-13 ปี ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ระหว่างวันที่ 24-26 มี.ค. 2557 จำนวนทั้งสิ้น 1,124 คน ที่จัดทำขึ้นเนื่องในโอกาสวันหนังสือเด็กแห่งชาติ 2 เมษายน
การสำรวจพบว่าเด็กส่วนใหญ่ชอบอ่านหนังสือที่ไม่ใช่หนังสือเรียนมากถึงร้อยละ 72.8 ในจำนวนนี้ระบุเหตุผลที่ชอบอ่าน เพราะมีหนังสือที่ชอบมากที่สุด รองลงมา ชอบอ่านหนังสือเอง และชอบอ่านหนังสือเพราะมีบุคคลต้นแบบ (ร้อยละ 57.1, 18.8 และ 16.1 ตามลำดับ) โดยระบุว่า หนังสือที่ชอบอ่านคือหนังสือการ์ตูนมากที่สุด รองลงมาคือ หนังสือนิทาน และหนังสือนิยาย/ซีรีส์ ดารา/บันเทิง ใกล้เคียงกัน (ร้อยละ 53.4, 21.5 และร้อยละ 10.2/10.0 ตามลำดับ)
สำหรับบุคคลต้นแบบที่ทำให้ตนเองชอบอ่านหนังสือนั้น ส่วนใหญ่ระบุว่าคือ พ่อแม่ รองลงมา คือ เพื่อน และครู (ร้อยละ 44.0, 23.2 และ 15.2 ตามลำดับ) ส่วนเหตุผลที่ระบุว่าชอบอ่านหนังสือ เพราะที่บ้านมีหนังสือเยอะ และมีห้องสมุดในโรงเรียน/ใกล้ชุมชน สูงสุดเท่ากัน (ร้อยละ 31.7)
ส่วนกรณีที่เด็กบางส่วน (ร้อยละ 27.2) ไม่ชอบอ่านหนังสืออื่นๆ นอกจากหนังสือเรียนนั้น เด็กๆ ให้เหตุผลว่า เพราะมีอย่างอื่นที่น่าสนใจกว่าให้ทำ (ร้อยละ 31.8) รองลงมาคือ ไม่มีหนังสือที่น่าสนใจ (ร้อยละ 28.4) และที่น่าสนใจคือ อ่านหนังสือไม่ออก คิดเป็นร้อยละ 16.9 และเมื่อถามต่อว่าถ้าต้องการให้ชอบอ่านหนังสือต้องทำอย่างไรเด็กๆ ระบุว่าต้องมีเพื่อนอ่านด้วยกันมากที่สุด (ร้อยละ 28.3) รองลงมาคือ ต้องมีหนังสือที่น่าสนใจ (ร้อยละ 26.9)
นางสุดใจ พรหมเกิด ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน กล่าวว่า เด็กช่วงวัยประถมศึกษา 6-12 ปี เป็นวัยเตรียมความพร้อมทั้งร่างกาย อารมณ์ สติปัญญา วัยนี้เรียนรู้เพิ่มขึ้นตลอดเวลา พร้อมจะออกไปสู่สังคมภายนอกที่ปกป้องเขาน้อยลงในปัจจุบัน เด็กต้องช่วยตัวเองมากขึ้น การอ่านจึงเป็นเครื่องมือส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ที่สำคัญ ผลสำรวจที่พบในครั้งนี้สอดคล้องกับจิตวิทยาพัฒนาการที่พ่อแม่ยังคงมีบทบาทสูงในการเป็นต้นแบบและชี้แนะให้กับลูกได้