Follow us      
  
  

หนังสือพิมพ์ข่าวสด [ วันที่ 17/08/2564 ]
ร้านมือถือ-ธนาคาร ผ่อนล็อก ในห้างให้เปิดได้

  ร้านเบ็ดเตล็ด-เครื่องใช้ไฟฟ้า ยืดเคอร์ฟิวจว.แดงเข้ม31สค. ติดเชื้อพุ่ง21,157-เสียชีวิต182 ชลบุรีป่วยทะลุพัน17วันซ้อน
          ศบค.ไฟเขียวเปิดธนาคาร ร้านมือถือในห้างได้ ขยายเคอร์ฟิวถึง 31 ส.ค. พื้นที่ 29 จว. สีแดงเข้ม  นายกฯ สั่งเร่งปูพรมฉีดวัคซีน เล็งใช้ Thai COVID Pass ฉีดวัคซีนถึงใช้บริการต่างๆ ได้ นำเข้าครม.วันนี้ มีผลบังคับใช้ 18 ส.ค. พร้อมตั้งศูนย์บริหารสื่อสารในภาวะวิกฤต วางกลยุทธ์สื่อสารศบค. 'รมต.อนุชา'เป็นหัวหน้าศูนย์ ขณะที่ยอดติดเชื้อรายวันยังพุ่ง 21,157 ตายอีก 182 มีทารก 7 เดือนชาวพม่าด้วย พบนักท่องเที่ยวฝรั่งเที่ยวภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ติดเชื้อ 57 ราย ชัยภูมิวุ่น นายอำเภอหนองบัว ระเหวติดโควิด ทั้งที่ฉีดซิโนแวค 2 เข็มแล้ว ชลบุรีป่วยเกินพัน 17 วันซ้อน
          ติดเชื้ออีก 21,157-ตายเพิ่ม 182
          เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 16 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. แถลงว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 21,157 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 20,493 ราย มาจากระบบ เฝ้าระวังและระบบบริการ 16,863 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุก 3,630 ราย และมาจากเรือนจำ 658 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 6 ราย มาจากอิสราเอล 1 ราย และกัมพูชา ผ่านพรมแดนทางบก 5 ราย ยอดผู้ติดเชื้อสะสม 928,314 ราย หายป่วยเพิ่มเติม 20,984 ราย หายป่วยสะสม 709,646 ราย อยู่ระหว่างรักษา 210,934 ราย อาการหนัก 5,626 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 1,161 ราย
          มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม 182 ราย เป็นชาย 104 ราย และหญิง 78 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสม 7,734 ราย สถานการณ์โลก มียอด ผู้ติดเชื้อสะสม 207,984,087 ราย เสียชีวิตสะสม 4,374,761 ราย โดยประเทศไทยอยู่อันดับ 35 ทั่วโลกติดเชื้อจำนวนมาก เนื่องจากสายพันธุ์เดลตา
          ส่วนการรับวัคซีนรวม 23.5 ล้านโดส เข็มแรก 17.9 ล้านราย เข็มสอง 5.1 ล้านราย และเข็มสาม 4.85 แสนราย การฉีดวัคซีนจะช่วยลดป่วยหนักและเสียชีวิตได้ จึงเร่งฉีดวัคซีน ซึ่งข้อมูลจากกระทรวงอุดมศึกษาฯ พบว่า ตอนนี้อาเซียนฉีดแล้ว 204 ล้านโดส โดยไทยอยู่ที่ 27% มีแค่สิงคโปร์ที่ฉีดถึง 76.2% ส่วนทั่วโลก จีนสูงสุด 1,844 ล้านโดส คิดเป็น 65.9% สำหรับการตรวจ ATK พบว่า วันที่ 15 ส.ค. ผลบวก 803 ราย โดยในกทม.ยังพบ 12.27% ต้องรีบเข้ารักษาโดยออกแบบไว้เป็นการดูแลที่บ้านและชุมชน
          ทารก 7 เดือนป่วยธาลัสซีเมียดับ
          สำหรับผู้เสียชีวิต 182 ราย กทม.มีมากสุด 64 ราย ปริมณฑล 5 จังหวัด 40 ราย ภาคใต้ 12 ราย อีสาน 27 ราย ภาคเหนือ 17 ราย ภาคกลาง 22 ราย ตัวเลขยังคล้ายกัน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 87% คืออายุ 60 ปีขึ้นไปและโรคเรื้อรัง ยังพบทารก 7 เดือน 1 รายชาวเมียนมา เสียชีวิตที่กทม. มีธาลัสซีเมีย จึงต้องเร่งฉีดวัคซีนกลุ่ม 608
          เมื่อพิจารณาภาพเสียชีวิตรายสัปดาห์เทียบกับการติดเชื้อ พบว่าอัตราการป่วยเสียชีวิตจากเดิม 1.21% ในสัปดาห์ที่ 23 ลดลงมา 0.86% ในสัปดาห์ที่ 32 ระหว่างนี้มีขึ้นๆ ลงๆ ใกล้เคียงกัน คือยังอยู่ในลักษณะคงตัว ทำให้มีการตั้งคำถามว่า เป็นเพราะวัคซีนกำลังทำงานอยู่หรือไม่ ทำให้การเสียชีวิตคงที่ หรือมีผู้ป่วยหนักกระจายออกไปยังภูมิภาค ขณะนี้ผู้ติดเชื้อกลับภูมิภาคกลับไปมาก โดยเฉพาะภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคเหนือตอนล่าง
          กทม.ติดเชื้อยังพุ่ง 4,324
          สำหรับ 10 จังหวัดที่ติดเชื้อสูงสุด คือ 1.กทม. 4,324 ราย สะสม 217,476 ราย 2.สมุทรสาคร 1,869 ราย สะสม 54,857 ราย 3.ชลบุรี 1,223 ราย สะสม 47,034 ราย 4.สมุทรปราการ 1,147 ราย สะสม 59,813 ราย 5.นนทบุรี 790 ราย สะสม 36,035 ราย 6.นครราชสีมา 547 ราย สะสม 10,857 ราย 7.ฉะเชิงเทรา 540 ราย สะสม 17,221 ราย 8.สระบุรี 470 ราย สะสม 13,665 ราย 9.นครปฐม 449 ราย สะสม 20,207 ราย และ 10.พระนคร ศรีอยุธยา 420 ราย สะสม 14,184 ราย
          ฝรั่ง2หมื่นเที่ยวภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์
          นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงสถานการณ์รายวันตอนหนึ่งถึงเรื่องภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ว่าสรุปสถานการณ์ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ในช่วงเวลา 1-31 ก.ค.ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวสะสม 14,055 คน มีคนติดเชื้อทั้งคนไทยและต่างประเทศ 441 คน เป็นคนที่อยู่ประเทศไทย 409 คน มาจากต่างประเทศ 32 คน จาก 141 เที่ยวบิน แล้วเมื่อตรวจคัดกรองครั้งที่สอง 10,519 คน พบ 7 คน ตรวจครั้งที่สาม 6,804 คน พบ 3 คน และมีจำนวนคืนของผู้เข้าพัก 309,719 คืน โดยจำนวนนักท่องเที่ยวสะสม 14,055 คน พบว่าประเทศที่มีนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรกมาจาก 1.สหรัฐอเมริกา 1,802 คน 2.สหราชอาณาจักร 1,558 คน 3.อิสราเอล 1,455 คน 4.เยอรมนี 847 คน 5.ฝรั่งเศส 839 คน จำนวนคืนพัก 190,843 คืน ส่วนรายได้จากนักท่องเที่ยว ค่าที่พัก 282 ล้านบาท ค่าซื้อสินค้าและบริการท่องเที่ยว 194 ล้านบาท ค่าอาหารด้วยเครื่องดื่ม 175 ล้านบาท บริการทางการแพทย์ 124 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายอื่นๆ 54 ล้านบาท สร้างรายได้ทั้งหมด 829 ล้านบาท ค่าเฉลี่ยต่อทริป 58,982 บาท ดูแล้วเป็นข่าวดีในการทดลองประมาณระยะเวลา 1 เดือน
          พบติดเชื้อโควิด 57
          โฆษกศบค.กล่าวต่อว่า สำหรับสถิติตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.-14 ส.ค. มีนักท่องเที่ยวเพิ่มเป็น 20,727 คน มีการตรวจคัดกรองครั้งที่ 1 พบ ผู้ติดเชื้อ 27 คน ตรวจครั้งที่ 2 พบ 18 คน กลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 10 คน และตรวจครั้งที่ 3 พบ 2 คน รวมพบผู้ติดเชื้อ 57 คน ฉะนั้น 1 เดือนกับอีกครึ่งเดือนผลออกมาการติดเชื้อค่อนข้างต่ำ
          ชลบุรีป่วยเกินพัน 17 วันติด
          สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรีรายงานว่า พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 1,223 ราย ยอดป่วยสะสม 47,036 ราย กำลังรักษา 20,850 ราย หายป่วย 25,936 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 9 ราย เสียชีวิตสะสม 250 ราย พบผู้ติดเชื้อกระจาย 10 อำเภอ มากสุดที่อ.ศรีราชา 458 ราย
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จ.ชลบุรีติดเชื้อรายวันเกินพันเป็นวันที่ 17 ติดต่อกัน
          สระแก้วติดเชื้อเพิ่ม 257
          ด้านนพ.ประภาส ผูกดวง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสระแก้วเปิดเผยว่า มีผู้ป่วยยืนยันใหม่ 257 ราย และเสียชีวิต 1 ราย ซึ่งเป็นรายที่ 34 ของจ.สระแก้ว เป็นหญิง 30 ปี อยู่จ.นนทบุรี กลับมารักษาตัวที่บ้าน ปัจจัยเสี่ยงภาวะอ้วน พนักงานร้านปลาช่อนวิเศษ 2 รายกลับบ้านนำเชื้อไปแพร่ครอบครัวและเพื่อนใน 2 ตำบล 28 ราย หลังสูบบุหรี่ร่วมกัน
          นายสุโสฬส พึ่งบุญ นายอำเภอตาพระยา มีคำสั่งปิดให้บริการงานทะเบียนราษฎรชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 16 ส.ค. ถึงวันที่ 30 ส.ค. เนื่องจากพบเจ้าหน้าที่ติดโควิด 1 ราย
          ชัยภูมิวุ่น'นอภ.'ฉีด2เข็ม-ติดโควิด
          ที่จ.ชัยภูมิ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายทินพล เฉลิมวสุธา นายอำเภอหนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ ติดเชื้อโควิด-19 หลังผลตรวจออกมาเมื่อวันที่ 15 ส.ค. ทั้งที่นายทินพลฉีดวัคซีนซิโนแวคแล้ว 2 เข็ม ขณะนี้กำลังสอบสวนโรคว่าติดมาจากที่ไหน ขณะที่ตลอดช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ในพื้นที่อ.หนองบัวระเหว เกิดคลัสเตอร์ใหญ่ เมื่อกลางเดือนก.ค.ที่ผ่านมา มีผู้ติดเชื้อกว่า 20 ราย จนต้องปิดหมู่บ้าน 14 วัน
          สำหรับนายทินพลลงพื้นที่ปฏิบัติหน้าที่ กิจกรรมงานต่างๆ ตามหมู่บ้าน ตำบลอื่นอย่างต่อเนื่อง โดยมีไทม์ไลน์ที่น่าสนใจดังนี้ วันที่ 9 ส.ค. ปลูกต้นไม้ที่วัดโจด ดำนาแปลง บ้านหนองโจด วันที่ 10 ส.ค.เป็นประธานวันกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน มีการนั่งรับประทานอาหารร่วมกัน นำปลูกต้นไม้ที่อบต.บ้านโสกปลาดุก และไปตามบ้านท่าช้าง ต.โสกปลาดุก วันที่ 11 ส.ค.ร่วมงาน MOU อุทยานธรณีวิทยา ที่ศาลาประชาคม จ.ชัยภูมิ วันที่ 12 ส.ค. เยี่ยม ผู้ยากไร้ บ้านหัวะพาน บ้านดอนกอก และบ้านละหานค่าย วันที่ 13 ส.ค.เยี่ยมตลาดนัดอำเภอ ก่อนเข้าตรวจที่ร.พ.หนองบัวระเหว เมื่อวันที่ 14 ส.ค. และทราบผลเมื่อวันที่ 15 ส.ค. จึงเข้ารักษาที่ร.พ.ชัยภูมิ
          สำหรับจ.ชัยภูมิ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 147 ราย ยอดสะสม 6,372 ราย เสียชีวิตเพิ่มอีก 2 ราย เสียชีวิตสะสม 46 ราย กำลังรักษา 4,165 ราย หายป่วยเพิ่ม 89 ราย หายป่วยสะสม 2,161 ราย
          ระนองวุ่น-นักโทษติดเชื้อ768
          นพ.นรเทพ อัศวพัชระ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดระนอง รายงานว่า หลังจากเข้าตรวจเชิงรุกนักโทษภายในเรือนจำจังหวัดระนอง ด้วยวิธี ATK ให้ผู้ต้องขัง ทุกคน 1,656 คน พบผู้ต้องขังติดเชื้อ 768 ราย จึงแยกกลุ่มผู้ต้องขังกลุ่มเปราะบาง กลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่ม 7 โรคประจำตัวออกจากผู้ต้องขังอื่น รวมทั้งผู้ป่วยสีเขียวซึ่งไม่ปรากฏอาการ 729 คน ให้ยาฟ้าทะลายโจร ส่วนผู้ป่วยสีเหลือง 39 คน ให้ยาฟาวิพิราเวียร์ และทางเรือนจำระนองนำแยกรักษาที่ร.พ.สนามในเรือนจำ กรณีพบผู้ต้องขังภายในเรือนจำ มีผู้ต้องขังมีอาการคล้ายไข้หวัดประมาณ 40 ราย จึงเข้าตรวจหาเชื้อ พบติดเชื้อโควิด-19 พบผู้ป่วยคราวแรก 25 ราย จึงเปิดปฏิบัติการตรวจเชิงรุกผู้ต้องขัง 1,656 ราย กระทั่งพบติดเชื้อดังกล่าว
          ศบค.ให้เปิดธนาคารในห้างได้
          เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ห้อง PMOC ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 12/2564 ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดและการติดเชื้อ โควิด-19 โดยคาดการณ์ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะยังคงสูงในอีก 2 เดือน คือส.ค.นี้และก.ย. จึงเสนอให้คงมาตรการต่อที่ประชุมศบค. สำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (พื้นที่สีแดงเข้ม) 29 จังหวัด ส่วนการจำกัดการ เดินทาง กำหนดให้เลี่ยง จำกัด หรืองดเว้นการเดินทางออกนอกเคหสถานหรือที่พำนักโดยไม่จำเป็น โดยห้ามออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 21.00-04.00 น., งดให้บริการขนส่งข้ามเขตจังหวัด, การตั้งด่านสกัดระหว่างเขตจังหวัดตามมาตรการที่ราชการกำหนด สำหรับการจัดกิจกรรม ห้ามจัดกิจกรรมรวมคนมากกว่า 5 คน ส่วนของ ร้านอาหาร ห้ามบริโภคภายในร้าน ขายได้ แบบนำไปบริโภคที่อื่น เปิดได้ไม่เกิน 20.00 น. งดการจำหน่ายและงดดื่มสุราในร้าน,
          ส่วนศูนย์การค้าหรือห้างสรรพสินค้า ให้เปิดบริการได้เฉพาะร้านอาหาร/เครื่องดื่ม โดยเฉพาะผ่านเดลิเวอรี่ ร้านขายยา/เวชภัณฑ์ ซูเปอร์มาร์เก็ต สำหรับธนาคารและสถาบันการเงินเปิดได้ไม่เกิน 20.00 น.
          เปิดร้านมือถือ-เครื่องใช้ไฟฟ้า
          นอกจากนี้ยังติดตามการเปิดพื้นที่นำร่องรับนักท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตเชื่อมต่อจังหวัดนำร่องอื่น (7+7), พิจารณาแนวทางการประชาสัมพันธ์ในสถานการณ์โควิด-19, พิจารณามาตรการผ่อนปรนให้ 4 ธุรกิจหลักที่มีความจำเป็นต่อการใช้ชีวิตของประชาชนได้แก่ 1.ธนาคาร สถาบันการเงิน 2.ธุรกิจสื่อสาร ไอที 3.ร้านเบ็ดเตล็ด 4.ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็น
          ร้านเสริมสวย-ร้านนวดยังปิด
          สำหรับร้านเสริมสวย ร้านนวด สถานเสริมความงาม ยังไม่อนุญาตให้มีการเปิดกิจการ หรือปิด ส่วนสถานศึกษาทุกระดับ/สถาบันกวดวิชา ห้ามใช้อาคารสถานที่เพื่อจัดการเรียนการสอนหรือกิจกรรมที่มีการรวมคนจำนวนมาก ในส่วนของสถานที่เล่นกีฬาหรือแข่งขันกีฬายังคงให้ปิด
          ส่วนพื้นที่ควบคุมสูงสุด ในส่วนของการจำกัดการเดินทาง ให้ตั้งจุดตรวจด่านตรวจหรือจุดสกัดเพื่อตรวจคัดกรองการเดินทาง สำหรับการจัดกิจกรรมนั้นกำหนดห้ามจัดกิจกรรมรวมคนมากกว่า 20 คน ส่วนร้านอาหาร สามารถบริโภคในร้านได้เปิดได้ ไม่เกิน 23.00 น. โดยงดการจำหน่ายและงดดื่มสุราภายในร้าน ส่วนศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าสามารถเปิดบริการได้ตามปกติ โดยจำกัดจำนวนคน งดจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย, ร้านเสริมสวย/สถาบันความงาม เปิดบริการได้ตามปกติตามมาตรการที่ราชการกำหนด สถานศึกษาทุกระดับและสถาบันกวดวิชาให้ใช้อาคารสถานที่เพื่อจัดการเรียนการสอน กิจกรรมที่มีการรวมคนจำนวนมากโดยผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด สถานที่เล่นกีฬาหรือแข่งขันกีฬา เปิดบริการได้ทุกประเภทไม่เกิน 21.00 น. และสามารถจัดการแข่งขันได้โดยจำกัดผู้ชม
          สำหรับพื้นที่ควบคุมหรือพื้นที่สีส้มไม่มีการจำกัดการเดินทาง ส่วนการทำกิจกรรมนั้นห้ามจัดกิจกรรมรวมคนมากกว่า 50 คนตามมาตรการที่ราชการกำหนด สำหรับร้านอาหารสามารถบริโภคในร้านเปิดได้ตามปกติ งดการจำหน่ายและงดดื่มสุราในร้าน ขณะที่ศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้า สามารถเปิดบริการได้ตามเวลาปกติ แต่ต้องปิดในส่วนเครื่องเกมส์ และสวนสนุก ร้านเสริมสวย สถานเสริมความงามเปิดบริการได้ตามปกติ สถานศึกษาทุกระดับและสถาบันกวดวิชา สามารถให้ใช้อาคารสถานที่เพื่อจัดการเรียนการสอนได้ตามปกติภายใต้มาตรการป้องกันโรคที่ราชการกำหนด เช่นเดียวกับสถานที่เล่นกีฬาหรือแข่งขันกีฬาสามารถเปิดบริการได้ตามเวลาปกติทุกประเภท และจัดการแข่งขันได้โดยจำกัดผู้ชม โดยให้มีผลจนถึงวันที่ 31 ส.ค.นี้
          ยืดล็อกจว.แดงเข้มถึง 31 ส.ค.
          เวลา 16.00 น. นพ.ทวีศิลป์ แถลงผลการประชุมว่า ในที่ประชุม ศบค. ปลัดกระทรวงสาธารณสุขแสดงแบบจำลองมาตรการป้องกันโควิด-19 หากไม่มีการใช้มาตรการใดๆ ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะไปแตะ 6-7 หมื่นรายในช่วงเดือน ก.ย. แต่หากมีมาตรการ ล็อกดาวน์ เวิร์ก ฟรอม โฮม ปิดกิจการที่เสี่ยงเหมือนที่ใช้ในปัจจุบันจะลดการระบาดได้ประมาณ 20% ซึ่งหากใช้มาตรการนี้ถึงวันที่ 31 ส.ค. กราฟผู้ติดเชื้อจะนิ่งไปถึงปลายเดือนส.ค. และกราฟจะค่อยๆ โด่งในช่วงเดือนต.ค. จนถึงเดือนพ.ย. แต่ถ้ามาตรการเข้มขึ้นไปได้อีก 25% เราจะเห็นภาพการกดตัวเลขลงในปลายเดือนก.ย. แต่ถ้ามีการระบาดอีกในเดือนต.ค. จะทำให้ตัวเลขเพิ่มขึ้นไปได้ ขณะที่แบบจำลองผู้เสียชีวิตก็จะเป็นไปในลักษณะคล้ายกัน อย่างไรก็ตาม แบบจำลองนี้เป็นคาดการณ์ว่าถ้าเราเพิ่มมาตรการต่างๆ จะทำให้เราควบคุมโรคได้
          "ที่ประชุมยังรับทราบมาตรการการจำกัดการเดินทางในพื้นที่กทม. และชลบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือพื้นที่ สีแดงเข้ม พบว่าประชาชนให้ความร่วมมือลดการเดินทาง ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น ที่ประชุมจึงให้คงระดับพื้นที่ไว้เช่นเดิมจนถึงวันที่ 31 ส.ค. แต่ให้เพิ่มการทดสอบ ค้นหา แยกกักในพื้นที่กทม.และปริมณฑลด้วย และให้เพิ่มทีม CCRT ให้เพียงพอ"
          สำหรับมาตรการขององค์กรต่างๆ ในพื้นที่สีแดงเข้ม ยังให้เน้นเวิร์ก ฟรอม โฮม อย่างต่อเนื่อง แต่ส่วนที่ยังจำเป็นต้องมาปฏิบัติงาน ให้คัดกรองด้วย ATK ทุกสัปดาห์ รวมถึงให้บริษัท ห้างร้านต่างๆ ที่มีพนักงานเกิน 50 คน จัดเตรียมที่แยกกัก เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับพนักงานในการลงทะเบียนเข้ารักษาทั้งแบบ Home Isolation (HI) และ Community Isolation (CI) นอกจากนี้ยังกำหนดมาตรการควบคุมโรคเฉพาะสถานที่ในพื้นที่สีแดงเข้ม ที่มีพนักงานเกิน 100 คน ต้องพิจารณาดำเนินการบับเบิล แอนด์ ซีล เต็มรูปแบบ
          ส่วนตลาดค้าส่งขนาดใหญ่ ให้คัดกรองให้ผู้ค้าและแรงงานทุกสัปดาห์ สุ่มตรวจผู้มาใช้บริการเป็นระยะด้วย ATK รวมถึงให้เร่งรัดการฉีดวัคซีนสำหรับกลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่ม 7 โรคประจำตัว และหญิงตั้งครรภ์อย่างน้อย 80% ในกทม. อย่างน้อย 70% ในพื้นที่สีแดงเข้มอื่น และอย่างน้อย 50% ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ตลอดจนเร่งจ่ายยาวิพิราเวียร์ให้ผู้ป่วยระดับ สีเขียวทั้งใน CI และ HI อีกทั้งรัฐจะสนับสนุนการตรวจคัดกรองโควิด-19 ด้วยตัวเอง โดยไม่ให้เป็นภาระแก่ประชาชน ทั้งการจำหน่ายราคาถูกและให้จัดหาให้ง่าย นอกจากนี้หลังจากนี้จะมีพิจารณาแนวทางจัดทำ Thai covid pass ให้กับประชาชนเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมพร้อมรับการเปิดประเทศ
          "ที่ประชุมยังมีการปรับมาตรการจำหน่ายสินค้าจำเป็น กิจการจำเป็นในห้างสรรพสินค้า เพื่อกระจายช่องทางการให้บริการและการอำนวยความสะดวกประชาชนที่มีการขอเปิดกิจการธนาคารและสถาบันการเงิน โดยในพื้นที่สีแดงเข้ม ให้ห้างสรรพสินค้าเปิดบริการได้เฉพาะร้านอาหาร เครื่องดื่ม เฉพาะรูปแบบเดลิเวอรี่ ร้านขาย ซูเปอร์มาร์เก็ต และธนาคาร สถาบันการเงิน ได้ไม่เกินเวลา 20.00 น."
          เดินหน้าภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์
          นพ.ทวีศิลป์กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมเห็นชอบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เสนอ เปิดพื้นที่นำร่องรับนักท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต เชื่อมต่อจังหวัดนำร่องอื่น (7 + 7) ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ที่ดำเนินการไปแล้วในช่วงวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยให้นักท่องเที่ยวที่เข้าร่วมโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์สามารถเดินทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง ระหว่างจ.ภูเก็ต กับพื้นที่นำร่องอื่น ตั้งแต่วันที่ 16 ส.ค. เป็นต้นไป ประกอบด้วย จ.สุราษฎร์ธานี ที่เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่าจังหวัดกระบี่ ที่เกาะพีพี เกาะไหง ไร่เล และจังหวัดพังงา ที่เขาหลัก เกาะยาวน้อย เกาะยาวใหญ่ ซึ่งนักท่องเที่ยวที่อยู่ในภูเก็ต 7 วัน และตรวจไม่พบเชื้อ สามารถเดินทางทั้งทางบก ทางน้ำ และขึ้นเครื่องไปจังหวัดสุราษฎร์ธานี พำนักใน 3 จังหวัด ได้อีก 7 วัน
          นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ศบค.ได้รับทราบข้อเสนอมาตรการป้องกันควบคุมในพื้นที่เฉพาะ (บับเบิลแอนด์ซีล) และโครงการนำร่องการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดในโรงงาน (แฟคตอรี่ แซนด์บ็อกซ์) ที่เสนอโดยปลัดกระทรวงสาธารณสุข กับรมว.แรงงาน ที่ขอออกมาตรการเพื่อทำให้อุตสาหกรรมโรงงานที่มีพนักงานสามารถดำเนินการได้ โดยศบค. จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการด้านการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาด โควิด-19 ในสถานประกอบกิจการและโรงงานอุตสากรรม
          นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นชอบมาตรการควบคุมสำหรับการเดินทางเข้าออกทางน้ำ เฉพาะกรณีเรือที่ไม่มีสัญชาติไทย เพื่อปฏิบัติภารกิจเกี่ยวกับการปิโตรเลียม ภารกิจอื่นใดบนยานพาหนะ หรือสิ่งปลูกสร้างในทะเล โดยอนุญาตให้เฉพาะกรณีเรือที่ไม่มีสัญชาติไทย พร้อมเจ้าหน้าที่ประจำยานพาหนะเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรได้ เพื่อปฏิบัติภารกิจที่เกี่ยวกับการปิโตรเลียม หรือภารกิจอื่นใดบนยานพาหนะ
          นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ในการรับความช่วยเหลือด้านการแพทย์และสาธารณสุขจาก ต่างประเทศ ในที่ประชุมศบค.อนุมัติขอค่า ใช้จ่ายในการขนส่งและภาษีนำเข้าส่งออกในการแลกวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าระหว่างรัฐบาลภูฏานกับรัฐบาลไทย หรือการ swap วัคซีน ที่เมื่อได้มาแล้วจะต้องส่งคืนในภายหลัง ประมาณ 1.3 -1.5 แสนโดส ที่ประชุมศบค. ยังได้เห็นชอบ การรับบริจาคยา Monoclonal antiboby (Casirivimab/Imdevimab) จากกระทรวงสาธารณสุข ประเทศเยอรมนี จำนวน 1,000-2,000 ชุด เป็นยารักษาในกลุ่มผู้ป่วยหนักมาก
          สั่งเร่งปูพรมฉีดวัคซีน
          พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า รัฐบาลและศบค.กำลังเร่งควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ไทยที่ยังถือว่าอยู่ในภาวะวิกฤต มีผู้ติดเชื้อและ ผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นของประชาชนให้ได้โดยเร็ว โดยเร่งแก้ไขปัญหาและอุปสรรค ทั้งเร่งรัดการจัดหาวัคซีน ปูพรมฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุด การค้นหาผู้เสี่ยงติดเชื้อเชิงรุกและนำผู้ป่วยทุกคนเข้าระบบการรักษาให้เร็วที่สุด รวมถึงให้ผู้ป่วยติดเชื้อเข้าถึงยาให้ไวที่สุด การสร้างสถานที่กักตัวให้เพียงพอทั้งในประเภท Home Isolation (HI)และ Community Isolation (CI) ให้เพียงพอทุกพื้นที่ รวมทั้งดูแลแรงงานและโรงงานในรูปแบบบับเบิล แอนด์ ซีล ใช้ระบบการแพทย์ทางไกล ในระบบ HI และ CI จัดระบบการส่งยา รวมทั้งติดตามการใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ ฟ้าทะลายโจร และสูตรยาอื่น ทั้งของยาจากต่างประเทศ เช่น Remdesivir หรือ Oseltamivir หรือ Hydroxychloroquine เพื่อให้ผู้ป่วยสีเหลืองและสีเขียวเข้าถึงยาได้กว้างขวางที่สุด รวมทั้งให้จัดซื้อชุดตรวจ ATK อย่างโปร่งใส ชัดเจน ขณะเดียวกันต้องจัดการขยะติดเชื้อแบบครบวงจร
          นายกฯ ยังเห็นชอบบริหารการสื่อสารในภาวะวิกฤต ตั้งศูนย์บริหารสื่อสารในภาวะวิกฤต มีนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าศูนย์ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เป็นเลขานุการ เพื่อวางกลยุทธ์สื่อสารศบค.
          โดยมติครั้งนี้จะเข้าครม.ในวันที่ 17 ส.ค. และมีผลบังคับใช้วันที่ 18 ส.ค.

 pageview  1205468    
สำนักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ Health Information System Development Office (HISO)
ห้อง A3 ชั้น 3 อาคาร 4Plus Buiding เลขที่ 56/22-24 ซอยงามวงศ์วาน 4 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
Tel : 02-5892490-2 Fax : 02-5892493 www.healthinfo.in.th
 
© Health Information System Development Office (HISO) . All Rights Reserved