ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โรคโควิด-19 ที่อยู่ในขั้นวิกฤตจากการกลายพันธุ์ของไวรัส จนสร้างสถิตินิวไฮทุกวัน ทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อและคนเสียชีวิต เรียกว่าคาดเดากันไม่ถูกว่า 'วิกฤตโควิด-19' ระลอกนี้จะผ่อนคลายเมื่อใด
          แม้จะเป็นความโชคร้ายของหลายคนที่เกิด ความสูญเสีย แต่ก็ยังมีความหวังเกิดขึ้น เมื่อหลายคนหลายองค์กรในประเทศไทยพยายามอย่างถึงที่สุด ที่จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เห็นได้อย่างชัดเจนจาก การมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคมและประชาชน ที่รวมพลังกันต่อสู้เพื่อช่วยเหลือให้คนไทยเกิด ความสูญเสียให้น้อยที่สุด หนึ่งในนั้นก็คือ 'กลุ่ม ปตท.'
          จากครั้งแรกของการริเริ่ม 'โครงการลมหายใจเดียวกัน' เพื่อส่งมอบเครื่องช่วยหายใจ เครื่อง ให้ออกซิเจนอัตราไหลสูง และออกซิเจนเหลว ให้แก่โรงพยาบาลที่อยู่ในพื้นที่ระบาดหนัก พร้อมสนับสนุนการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม 7 แห่ง มีการจัดหน่วยวัคซีนเคลื่อนที่เชิงรุกและอื่นๆ จนนำมาสู่การจัดตั้ง "หน่วยคัดกรอง และโรงพยาบาลสนามครบวงจร (End-to-End)" เพื่อช่วยลดการเสียชีวิต บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน และหยุดยั้งการแพร่ระบาดของ เชื้อโควิด-19 ให้เร็วที่สุด
          นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) อธิบายถึงที่มาของการจัดตั้งหน่วยคัดกรองฯ ว่า ด้วยสถานการณ์วิกฤต โรคระบาดรุนแรงขึ้นต่อเนื่อง มีผู้ติดเชื้อและ ผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ปตท. และบริษัทในกลุ่มจึงเห็นพ้องกันว่าเป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะต้องช่วยกันเพิ่มศักยภาพระบบสาธารณสุขให้มี ขีดความสามารถในการดูแลรักษาผู้ป่วยมากขึ้น จึงได้ร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มูลนิธิโรงพยาบาลในเครือบางปะกอกฯ และโรงพยาบาลปิยะเวท จัดตั้งหน่วยคัดกรองฯ ขึ้น ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ภาคเอกชนร่วมมือกับภาครัฐ ในการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 แบบครบวงจร
          "กลุ่ม ปตท. ตั้งใจให้หน่วยคัดกรองฯ แห่งนี้ดำเนินการในแบบ 'ตรวจเร็ว แยกเร็ว รักษาเร็ว' โดยประกอบด้วย 4 จุดหลัก เริ่มจากจุดที่ 1 หน่วยคัดกรองโครงการลมหายใจเดียวกัน ที่อาคาร EnCo Terminal หรือ Enter ของบริษัท เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ จำกัด กลุ่ม ปตท. ถ.วิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ สำหรับเป็นจุดคัดกรองกลุ่มเสี่ยง ใช้ชุดตรวจ Antigen Test Kit  ถ้าพบว่ามีการเสี่ยงติดเชื้อ จะนำส่งตรวจ RT-PCR ต่อ หากตรวจพบเชื้อในระดับสีเขียวและสามารถทำ Home Isolation หรือ Commuity Isolation ได้ก็จะได้รับกล่องพลังใจ คนไทยไม่ทิ้งกันไป ซึ่งในกล่องมีชุดอุปกรณ์การแพทย์และอื่นๆ สำหรับใช้ดูแลตัวเองเบื้องต้นที่บ้านหรือในชุมชน พร้อมกับมีระบบติดตามอาการผู้ป่วย
          ขณะที่ จุด 2-4 เป็นโรงพยาบาลสนามครบวงจร รองรับการรักษาผู้ป่วยที่ตรวจพบเชื้อทุกระดับ ความรุนแรง ภายใต้การดูแลของทีมแพทย์ โดยโรงพยาบาลสนามสำหรับผู้ป่วยสีเขียวกระจายอยู่ตามโรงแรมในกรุงเทพฯ กว่า 1,000 เตียง ส่วนโรงพยาบาลสนามสำหรับผู้ป่วยสีเหลืองอยู่ที่โรงแรมเดอะบาซาร์ จำนวน 300 เตียง แต่ถ้าสำหรับผู้ป่วยสีแดงจะถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลสนามระดับวิกฤต ICU บนพื้นที่ 4 ไร่ ของโรงพยาบาลปิยะเวท สามารถรองรับจำนวนผู้ป่วยได้ถึง 120 เตียง
          ต้องเรียกว่าเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ เพราะบริษัทในกลุ่ม ปตท. ได้คิดค้นนวัตกรรม ผลิตอุปกรณ์ และครุภัณฑ์ทางการแพทย์ มาสนับสนุนอย่างเต็มกำลัง เป็นต้น บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) สนับสนุนหุ่นยนต์ CARA ช่วยส่งอาหารและอุปกรณ์แก่ผู้ป่วย และหุ่นยนต์ Xterlizer UV Robot ฆ่าเชื้อโรคอัตโนมัติด้วยแสง UV บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) สนับสนุนนวัตกรรมหมวกอัดอากาศความดันบวก PAPR ชุดป้องกันการติดเชื้อ PE Gown ชุดตรวจคัดกรอง Rapid Test บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) คิดค้นเตียงสนามพลาสติกที่สามารถรับน้ำหนักได้สูง รวมถึงชุดป้องกันการติดเชื้อและอุปกรณ์ต่างๆ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด(มหาชน) สนับสนุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับการขนส่งเดินทางดูแลผู้ป่วยและบุคลากร
          บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) สนับสนุนชุดตรวจ Antigen Rapid Test ซึ่งเป็นนวัตกรรมภายใต้ความร่วมมือของบริษัท กับ สวทช. บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ช่วยเติมพลังทีมด่านหน้าด้วยเครื่องดื่มจากร้านกาแฟคาเฟ่ อเมซอน น้ำดื่มจิฟฟี่และหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ รวมถึง บริษัท เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ จำกัด จัดพื้นที่อาคาร Enter เป็นจุดคัดกรองโควิด-19 บริษัท พีทีที ดิจิตอล โซลูชั่น จำกัด ทำหน้าที่จัดการระบบดิจิทัล สำหรับการลงทะเบียน และบริษัท บิซิเนส เซอร์วิสเซส อัลไลแอนซ์ จำกัด รับบริหารระบบการตรวจคัดกรองโควิด-19
          การจัดตั้งหน่วยคัดกรองและโรงพยาบาลสนามครบวงจร (End-to-End) ภายใต้โครงการลมหายใจเดียวกันนี้ ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ในการสนับสนุนและส่งเสริมการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ ที่กำลังเผชิญกับความยากลำบากของวิกฤตโควิด และด้วยความเชื่อว่าคนไทยทุกคนล้วนมีลมหายใจเดียวกัน ขอเป็นกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์และคนไทยก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน