เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน นายสัมฤทธิ์ ชีวเกรียงไกร หรือเฮียกวง อายุ 76 ปี ที่เผยแพร่ข้อความว่าหลงเชื่อข้อมูลทางแอพพลิเคชั่นไลน์ถึงสูตรสมุนไพรบำรุงร่างกาย แต่เมื่อลองทำตามปรากฏว่าหวิดเป็นอัมพฤกษ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้เป็นโรคอะไร ยังแข็งแรงดี เพราะออกกำลังกายสม่ำเสมอ แต่ไปหลงเชื่อข้อมูลสูตรการทำน้ำกระชาย ที่ให้นำมาปั่นผสมน้ำผึ้งและน้ำมะนาว จะทำให้ร่างกายแข็งแรง โดยอ้างว่าผ่านการศึกษาจากนักวิชาการแล้ว จึงลองทำบ้าง
"ผมนำส่วนผสมต่างๆ มาปั่นเป็นน้ำ ดื่มตอนเช้าและเย็น 2 จอกทุกวันเป็นเวลา 10 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 25 เมษายนกระทั่งวันที่ 5 พฤษภาคม เริ่มป่วย แขนขาอ่อนแรง พูดเริ่มไม่ชัด ปากเกือบจะเบี้ยว ก้าวเท้าไม่ได้ ร่างกายซีกขวาผิดปกติคล้ายอัมพฤกษ์ ต้องไปพบแพทย์นอนโรงพยาบาล 6 วัน สแกนสมอง สแกนทุกอย่าง ผลเอกซเรย์พบว่าเลือดหนืดไปเลี้ยงก้านสมองไม่ทัน ที่สำคัญเพิ่งรู้ว่ากระชายไม่ควรกินเยอะทุกวัน และผู้สูงอายุยิ่งต้องระวังจะทำให้เลือดหนืด" นายสัมฤทธิ์กล่าว และว่า เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา อาการฟื้นตัวดีขึ้น 80-90% แต่ยังไม่ดีเต็ม 100% ยังเดินไม่สมบูรณ์ ต้องไปทำกายภาพ
นายสัมฤทธิ์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ช่วงต้นปี 2560 ตนมีอาการนิ้วชา ไม่ยอมไปพบแพทย์เพราะกลัวการผ่าตัด แต่เชื่อข้อมูลทางไลน์ให้นวดท่าต่างๆ นวดมา 12 เดือนก็ไม่ดีขึ้น ระหว่างที่นวดก็ไปเชื่อข้อมูลในโซเชียลอีกว่าให้แช่ขนมปังผสมน้ำส้มสายชู ประคบที่หน้าหลังฝ่ามือ 5-7 วันจะหาย ปรากฏว่าทำได้ 10 วันไม่ดีขึ้น แถมผิวหนังตายด้าน ต้องรักษาอีก 3 เดือน สุดท้ายที่นิ้วชาก็ต้องไปผ่าตัดอยู่ดี นอกจากนี้ขณะที่ตนรักษาตัวที่โรงพยาบาลพบคนไข้หญิงรายหนึ่งอายุ 60 ปี ป่วยเป็นเบาหวาน ร่างกายปกติ แต่ไปเชื่อคนข้างบ้านว่ากินมะรุมแก้เบาหวาน ก็ไปซื้อมากินวันละ 2 เม็ด สุดท้ายอาการหนักตับอักเสบ ไตเกือบวาย
นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า กระชายสามารถรับประทานเป็นอาหาร เพราะการประกอบอาหารไม่ได้ใช้จำนวนมาก และตามหลักก็ไม่แนะนำให้บริโภคทุกวัน แต่หากรับประทานด้วยจุดประสงค์ทางยา หรือการบำรุงร่างกายควรต้องปรึกษาแพทย์ประจำตัว หรือหากไม่มีโรคประจำตัวก็ต้องตรวจสอบให้ดีก่อนหลงเชื่อข้อมูลทางไลน์ เพราะบางครั้งข้อมูลไม่ครบถ้วน ทางที่ดีโทรมาปรึกษาที่กรมได้ โทร 0-2591-7007
"ไม่ว่าจะกระชาย มะรุม หรือสมุนไพรชนิดไหน การรับประทานต้องอยู่ภายใต้แพทย์ และแพทย์แผนไทยแนะนำ การมีข้อมูลผ่านโซเชียลไม่ใช่ว่าถูกต้อง ยิ่งผู้สูงอายุยิ่งต้องระวัง" นพ.เกียรติภูมิกล่าว |