เมื่อวันที่ 18 มกราคม นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีที่สังคมออนไลน์ได้แชร์ข้อมูลกรณีสาวป่วยโรคสะเก็ดเงิน จนบุคคลรอบข้างรังเกียจ เพราะคิดว่าเป็นโรคร้าย ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาวะจิตใจของผู้ป่วยเป็นอย่างมาก ว่า ในทางการแพทย์ขอชี้แจงว่า โรคสะเก็ดเงินเป็นโรคผิวหนังที่ไม่ใช่โรคติดต่อ แต่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรม พบได้ทุกเพศ ทุกวัย เกิดจากความผิดปกติของภูมิคุ้มกัน ทำให้การแบ่งตัวของเซลล์ผิวหนังเร็วกว่าปกติ การเจริญเติบโตและพัฒนาการของผิวหนังจึงไม่สมบูรณ์ ถึงแม้ว่าจะเป็นโรคเรื้อรังรักษาไม่หายขาด แต่มีช่วงระยะเวลาที่อาการของโรคจะสงบ ทั้งนี้ บุคคลในครอบครัว เพื่อนร่วมงานและสังคม ไม่ควรรังเกียจ แต่ควรให้กำลังใจผู้ป่วยให้สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
          "ขณะนี้ สถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านโรคผิวหนังระดับประเทศ สามารถให้การรักษาและดูแลผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ผู้ป่วยยังสามารถรับการรักษาได้ที่โรงพยาบาลในสังกัด สธ.ได้ทั่วประเทศ โดยใช้ได้ทุกสิทธิการรักษา" นพ.สมศักดิ์กล่าว
          ด้าน พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กล่าวถึงอาการของโรคสะเก็ดเงินว่า ที่พบคือ มีผื่นแดงหนาขอบเขตชัดเจน มีสะเก็ดเงินปกคลุม เมื่อขูดลอกสะเก็ดออก จะพบจุดเลือดเล็กๆ ใต้ผิวหนัง มักเป็นบริเวณข้อศอก หัวเข่า หน้าแข้ง ผื่นอาจมีขนาดเล็กหรือใหญ่กระจายทั่วร่างกาย ศีรษะจะมีผื่นแดงลอกเป็นขุยขาวคล้ายรังแค ปัจจัยสำคัญที่ทำให้โรคสะเก็ดเงินกำเริบ เช่น บาดแผลบนผิวหนัง ถูกของมีคม ทำให้เป็นแผล หรือเพียงรอยถลอกเล็กน้อย อาจทำให้เกิดผื่นของโรคที่บริเวณนั้น
          "เนื่องจากสะเก็ดเงินเป็นโรคเรื้อรังรักษาไม่หายขาด การรักษาต้องวางแผนระยะยาว และรักษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการกำเริบ ถ้าเป็นผื่นไม่มากรักษาโดยใช้ยาทา หากไม่ดีขึ้นอาจใช้ร่วมกับการฉายแสงอัลตราไวโอเลต ถ้าผู้ป่วยมีอาการรุนแรงอาจให้ยากินร่วมด้วย แต่ยาเหล่านี้มีผลข้างเคียง ไม่ควรซื้อทาหรือกินเอง ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ หากป่วยควรดูแลตนเอง โดยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมชีวิต นอนหลับพักผ่อนวันละ 6-8 ชั่วโมง กินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายประจำ หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้เกิดการระคายเคือง ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ และไม่เครียด" พญ.มิ่งขวัญกล่าว