การออกกำลังกายสำหรับบางคนต้องอาศัยความพยายามอย่างยิ่งยวด แต่ผลก็คุ้มค่ากับหยาดเหงื่อที่เสียไป แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่เริ่มออกกำลังกายไม่นานก็ยอมแพ้ ซึ่งอาจมีหลายสาเหตุ เราลองมาดูข้ออ้างที่ถูกนำมาใช้มากที่สุดเมื่อไม่อยากออกกำลังกาย
          ไม่เห็นผลลัพธ์ทันที
          คนส่วนใหญ่หยุดออกกำลังกายหลังจากที่เพิ่งเริ่มต้นไปได้แค่ช่วงสั้นๆ เนื่องจากไม่เห็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น โดยหารู้ไม่ว่าการออกกำลังกายต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง ขึ้นอยู่กับอายุ รูปร่าง อาหาร และสุขภาพของแต่ละคน ส่วนผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักเมื่อรู้สึกว่าน้ำหนักตัวลดลงไปไม่เร็วพอก็จะหยุดโดยอัตโนมัติ เพราะขาดกุญแจสำคัญคือความอดทน
          อ่อนเพลียเจ็บปวด
          เมื่อเริ่มปฏิบัติการออกกำลังกายอาจไม่ใช่การผ่อนคลาย แถมยังทำให้รู้สึกเหนื่อยล้าและร่างกายบอบช้ำดังนั้น หากรู้สึกร้อนหรือเจ็บปวดร่างกาย นั่นหมายความว่าเรากำลังมาถูกทางแล้ว ต้องทำต่อไปจนกว่าร่างกายจะปรับสภาพและรู้สึกสบายตัวแต่คนส่วนใหญ่เลือกที่จะหยุด
          น่าเบื่อ
          หากการออกกำลังกายที่เคยสนุกตื่นเต้นกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อเพราะซ้ำซากจำเจทางแก้ง่ายๆ คือการสลับ เปลี่ยนกิจกรรมสถานที่ หรือเพิ่มความเข้มข้นของการออกกำลังกายให้มากขึ้น จากนั้นก็เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ที่ทำเพื่อตัวเองให้เต็มที่และต่อเนื่อง
          ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการแล้ว
          นี่คือช่วงเวลาที่ควรรู้สึกดีและมีความสุขที่ประสบความสำเร็จ แต่เมื่อตัดสินใจยุติการออกกำลังกาย ข้อควรระวังคือการควบคุมปัจจัยอื่นๆ เช่น การเลือกกินอาหารที่ยังคงมวลกล้ามเนื้อให้อยู่ในสภาพนั้นต่อไป และการควบคุมปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย
          น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น
          คนส่วนใหญ่ออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนัก แต่สิ่งที่ไม่รู้คือ ขณะออกกำลังกายน้ำหนักตัวอาจเพิ่มขึ้นได้โดยที่รูปร่างไม่แตกต่างไปจากเดิม นั่นเป็นเพราะการออกกำลังกายจะทำให้รูปร่างกระชับสมส่วนและสร้างมวลกล้ามเนื้อเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะดูดีและรู้สึกดีขึ้น แต่ถ้าเห็นว่าตัวเลขบนตาชั่งขยับไปในทิศทางตรงกันข้ามก็จะล้มเลิกการออกกำลังกาย แล้วน้ำหนักก็จะยิ่งเพิ่มสูงขึ้นเพราะกล้ามเนื้อเหล่านั้นจะกลายไปเป็นไขมัน รูปร่างก็จะไม่กระชับอีกต่อไป สิ่งที่ได้จากความพยายามในครั้งแรกจะหายไป และความพยายามในครั้งที่สองก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย ดังนั้น อย่าเพิ่งล้มเลิกการออกกำลังกายหากแพทย์ไม่ได้สั่ง.