"สังคมผู้สูงอายุ" เป็นกรณีที่พูดจากันในสังคมไทยมานานพอสมควร โดยเฉพาะในระยะ 5 ปีที่ผ่านมานี้ แม้ว่าแท้จริงแล้วตามสถิติประเทศไทยก็เริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยมาตั้งแต่เมื่อ 17 ปีก่อนแล้ว เหตุก็เพราะนับจากปี 2563-2564 เป็นต้นไป ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ คือมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปมากกว่าร้อยละ 10 หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ 3-4 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะมีประชากรสูงอายุเกือบแตะระดับร้อยละ 20 โดยในปัจจุบันนี้ ประเทศไทยมีจำนวนผู้สูงอายุมากเป็นอันดับสองที่ร้อยละ 16 หรือประมาณกว่า 10 ล้านคน รองจากสิงคโปร์ที่เป็นอันดับหนึ่งของอาเซียน ที่มีผู้สูงอายุร้อยละ 18 จากจำนวนประชากรทั้งหมด 5 ล้านกว่าคน คือมีคนแก่เกือบๆ 1 ล้านคน
          "สังคมผู้สูงอายุ" เป็นกรณี "วาระโลก" เพราะจำนวนประชากรวัยทำงานมีสัดส่วนไม่ได้ดุลกับประชากรพ้นวัยทำงาน ที่จะต้องตั้งงบประมาณสำหรับให้ความดูแลรักษา เช่น จ่ายบำเหน็จบำนาญ จัดโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้ออำนวยต่อการดำรงชีพของผู้สูงอายุ รวมไปถึงการจัดวางแรงงานในภาระการผลิตต่างๆ อีกด้วย ในหลายประเทศที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ มีปัญหาที่พบคล้ายๆ กันคือ ปัญหาในด้านเศรษฐกิจ บำเหน็จบำนาญของภาครัฐ ผู้สูงอายุมีค่าใช้จ่ายไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ ในวัยที่ต้องตกงาน ที่สุดก่อให้เกิดความยากจนในกลุ่มผู้สูงอายุมากขึ้น นี่คือตัวอย่างที่ประเทศไทยกำลังจะเผชิญในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โดยเฉพาะต้องดำเนินแผนงานอย่างรอบคอบที่สุด เพราะมีตัวเลขยืนยันว่า ประชากรคนแก่ของไทยเป็นคนจน คนด้อยโอกาสอยู่ก่อนหน้าแล้วจำนวนมาก
          ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา นายอดิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยืนยันว่า ในปี 2560 นี้ รัฐบาลมีแผนการจ่ายเงินเพิ่มขึ้นแก่ผู้สูงอายุที่มาลงทะเบียนเป็นผู้มีรายได้น้อยเพื่อรับสวัสดิการของรัฐ จากเดิมเงินที่เคยได้รับจากรัฐบาลคนละ 600-900 บาทนั้น ถือว่าไม่เพียงพอสำหรับเลี้ยงชีพได้ชนเดือน เพราะสภาพเศรษฐกิจและค่าครองชีพที่สูงขึ้นในเรื่อยๆ จนผู้สูงอายุได้รับความเดือดร้อน มีชีวิตความเป็นอยู่ยากลำบาก สำนักงานเศรษฐกิจการคลังจึงจะเพิ่มเบี้ยดังกล่าวให้ในระดับที่เห็นว่าเหมาะสมเป็นคนละ 1,200-1,500 บาทต่อเดือน พร้อมกันนี้ก็จะเปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุที่มีรายได้เพียงพอ หรือมีฐานะดี สละสิทธิ์รับเงินเพื่อนำไปให้ผู้สูงอายุที่มีฐานะยากจนจริงๆ
          จะว่าไปแล้ว ลำพังแค่เงินเลี้ยงชีพผู้สูงอายุที่จะเพิ่มให้อีก600-900 บาท แม้ไม่ใช่เงินมากมายอะไร แต่ก็เป็นเรื่องที่พูดกันมานานหลายเดือน ซ้ำร้ายบางช่วงยังมีข่าวว่า รัฐบาลจะยกเลิกเสียด้วยซ้ำ ล่าสุดมีข่าวว่า รัฐบาลจะให้ความเห็นชอบหลังลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยหนที่ 2 ในเดือนมีนาคมนี้ แต่นี่ก็ยังเป็นเพียงประเด็นประกอบเท่านั้นเอง เพราะจะว่าไปแล้ว แผนงานระดับชาติที่จะต้องเตรียมไว้รองรับผู้สูงอายุนับจากนี้ไปอีกหลายปีก็คือ ระบบโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่จะต้องรองรับการใช้ชีวิตของคนสูงวัย เช่นเดียวกับแผนการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนกลุ่มนี้ สถานที่ทำงานที่เหมาะแก่วัย และสันทนาการอันทรงคุณค่าทางจิตใจ น่าจะเหมาะกว่าการตามไปเยียวยาในโรงพยาบาล