เมื่อวันที่ 14 เมษายน นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในฐานะประธานคณะทำงานป้องกันปราบปราม ฟื้นฟูและเยียวยาด้านยาเสพติด กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่าวันนี้จะไปตรวจสอบโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในพื้นที่เขตปริมณฑลที่มีข้อมูลว่ามีตัวเลขการซื้อยาซูโดอีเฟรดรีนผิดปกติ ส่วนวันที่ 18 เมษายน จะเข้าไปให้ข้อมูลกรรมาธิการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎรเกี่ยวกับเรื่องยาสูตรผสมซูโดอีเฟดรีนที่หายไปจากระบบโรงพยาบาล ส่วนกรณีที่นายวิทยา แก้วภราดัยอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งข้อสงสัยว่าเป็นเรื่องการเมืองนั้นไม่มีเป้าหมายเล่นพรรคประชาธิปัตย์และยืนยันว่าไม่มีหลักฐานใดเกี่ยวพันไปถึงอดีตรัฐมนตรีวิทยา ไม่เข้าใจทำไมพยายามดึงไปเกี่ยวพัน หากมีประเด็นอะไรซักถามได้เต็มที่ในการประชุมคณะกรรมาธิการ
นายพสิษฐ์กล่าวถึงกรณีนายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ในฐานะรักษาการผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เข้ามาสอบสวนเรื่องยาสูตรผสมซูโดอีเฟดรีนที่หายไปจากระบบโรงพยาบาล โดยมีการหารือร่วมกับเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ว่าสตง.เข้ามาบูรณาการทุกอย่างได้ดีที่สุด และต้องยกเครดิตให้นายสุรชัย เบ้าจรรยา ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขที่นำเอกสารทุจริตอีกหลายประเด็นมอบให้ สตง.เพิ่มเติม เชื่อว่า สตง.สามารถทำทุกอย่างให้กระจ่างชัดหลังจากได้รับร้องเรียนว่ามีโรงพยาบาลบางแห่งส่อทุจริตซึ่งมีทั้งในโรงพยาบาลที่เป็นข่าวไปแล้ว และโรงพยาบาลที่ยังไม่เป็นข่าว โดยสตง.จะเข้าไปตรวจสอบแต่ละโรงพยาบาลตามที่ได้รับร้องเรียนเพื่อดูที่มาของเงิน เหตุผลความจำเป็นในการสั่งซื้อยาว่ามีความสมเหตุสมผลหรือไม่ มีการสั่งซื้อที่เจาะจงบริษัทยาหรือไม่โดยจะเป็นการตรวจสอบข้อมูลเชิงลึก
"ในกระทรวงสาธารณสุข 99.9% เป็นคนดี แต่ขณะนี้คนที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องพยายามดิ้นรนให้ตัวเองไม่เกี่ยวข้อง พยายามทำลายน้ำหนักพยานเอกสาร พยานบุคคล เพื่อไม่ให้ตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องต่อไป ส่วนผลการสอบสวนอาจออกมาเหมือนหรือแตกต่างแบบมีนัยยะและไม่มีนัยยะ" นายพสิษฐ์กล่าว