นายแพทย์อภิชัย มงคล อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า จากที่มีกระแสความสนใจของประชาชนเกี่ยวกับใบทุเรียนเทศ ที่นำมาต้มดื่มเพื่อหวังผลรักษาโรคมะเร็ง กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้มีการศึกษาวิจัยด้านพิษวิทยาเบื้องต้น โดยนำเอาน้ำคั้นจาก ใบทุเรียนเทศสด สารสกัดด้วยน้ำของใบสด และสารสกัดด้วยน้ำ ของใบแห้ง มาใส่ในเซลล์มะเร็งตับ และเซลล์ตับปกติในหลอดทดลอง ผลการทดลองพบว่า สารสกัดด้วยน้ำของใบแห้งออกฤทธิ์ยับยั้ง เซลล์มะเร็งตับได้และไม่มีพิษต่อเซลล์ตับปกติ  ส่วนน้ำคั้นใบทุเรียนเทศ สดมีฤทธิ์ยับยั้งเซลล์มะเร็งตับได้ดีกว่าสารสกัดด้วยน้ำของ ใบแห้ง แต่ก็ทำลายเซลล์ตับปกติด้วย ซึ่งเป็นพิษเฉียบพลันที่พบได้ ในเวลา 1-2 วันที่รับประทานเข้าไป ในขณะที่สารสกัดด้วยน้ำ ของใบทุเรียนสดไม่แสดงฤทธิ์ยับยั้งเซลล์ตับเพาะเลี้ยง HepG2 สารสำคัญที่มีอยู่ในใบทุเรียนเทศ ที่มีผลต่อเซลล์มะเร็ง คือ สาร กลุ่ม แอนโนนาเซียส อะซีโตจีเนียส (Annonaceous Acetogenius) ส่วนผล เมล็ด และรากของทุเรียนเทศ มีสารแอนโนนาซิน (Annonacin) มีความเป็นพิษต่อระบบสมอง ดังนั้นหากรับประทานทุเรียนเทศ ติดต่อกันทุกวันเป็นระยะเวลานานก็อาจส่งผลให้เกิดโรคพาร์กินสันได้ นอกจากนี้ งานวิจัยของประเทศกานายังพบว่า หนูทดลองที่ ได้รับสารสกัดใบทุเรียนเทศในปริมาณสูง มีผลต่อการทำงานของไต

          อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์กล่าวต่อว่า แม้ก่อนหน้านี้จะมีรายงานการวิจัยของต่างประเทศพบว่า สารสกัดจากใบทุเรียนเทศ มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ มีความเป็นพิษต่อเซลล์มะเร็งเต้านม ปอด ตับ ตับอ่อน และผิวหนังในหลอดทดลอง และจากการศึกษา ในสัตว์ทดลองพบว่า สารสกัดชนิดนี้มีฤทธิ์ระงับปวด ต้านการอักเสบ ลดน้ำตาล และไขมันในเลือดของหนูที่เป็นเบาหวานได้ แต่ข้อมูล ส่วนที่ได้ศึกษาแล้วนี้ยังไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนการนำใบทุเรียนเทศ มาใช้ประโยชน์อย่างจริงจัง หากนำสารสกัดใบแห้งมาพัฒนาเป็นยาหรือผลิตภัณฑ์สุขภาพ จำเป็นต้องมีการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมใน ด้านต่างๆ ได้แก่ ความเป็นพิษต่อเซลล์มะเร็งชนิดต่างๆ และ ต่อเซลล์อวัยวะปกติอื่นๆ การพิสูจน์ฤทธิ์ต้านมะเร็ง และความปลอดภัย ในสัตว์ทดลอง การแยกสารสำคัญในใบทุเรียนเทศ การศึกษาสาร ที่อาจก่อให้เกิดพิษ รวมถึงการเกิดปฏิสัมพันธ์ระหว่างยาแผนปัจจุบัน กับสารสกัดใบทุเรียนเทศ ซึ่งตอนนี้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์กำลังศึกษาในสัตว์ทดลองเพิ่มเติมว่า การรับประทานใบทุเรียนเทศ อย่างต่อเนื่อง ทั้งใบสด และใบแห้ง เป็นระยะเวลา 6 เดือน จะมีผลอย่างไร แล้วถ้ารับประทานต่อเนื่องนาน 1 ปี จะเกิดผลอย่างไร และจึงจะมาทำการทดลองในคนต่อไป ซึ่งต้องใช้เวลาอีกนาน ทั้งนี้ประชาชนที่มีความสนใจหรือคิดจะบริโภคทุเรียนเทศควรต้องศึกษาข้อมูลก่อนนำมาบริโภคเพื่อความปลอดภัยและลดความเสี่ยงต่อ ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น แต่อยากให้รักษาด้วยแพทย์แผนปัจจุบันก่อน เพื่อไม่ให้เสียโอกาสในการรักษา หากไม่ได้ผลจึงค่อยหันมาหาแพทย์ทางเลือก