คณะอนุกรรมการทบทวนตำรับยาฯเล็งปรับสูตร'ยาพาราเซตามอล'ทุกชนิด คุมกินไม่เกินวันละ 4,000 มก. หรือ 8 เม็ด ล่าสุดส่งหนังสือเวียนขอความเห็นผู้ประกอบการ

          ภก.ประพนธ์ อางตระกูล รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการทบทวนตำรับยาแผนปัจจุบันสำหรับมนุษย์เตรียมทบทวนตำรับยาพาราเซตามอลที่วางจำหน่ายในประเทศไทย ทั้งสูตรเดี่ยวและสูตรผสม เพื่อให้มีปริมาณตัวยาต่อเม็ดสอดคล้องกับเกณฑ์มาตรฐานที่ห้ามกินเกินวันละ 4,000 มิลลิกรัม(มก.) หรือ ห้ามเกินวันละ 8 เม็ด เพราะแม้ว่าประเทศไทยจะมียาพาราฯหลายสูตร เช่น 325, 500, 650 มก.ต่อเม็ด แต่ส่วนใหญ่เคยชินกับการใช้ขนาด 500 มก. และแพทย์หรือเภสัชสั่งให้กินครั้งละ 2 เม็ด ทุก 4-6 ชั่วโมง ทำให้ผู้ป่วยได้รับยาวันละ 12 เม็ด ซึ่งเกินเกณฑ์มาตรฐาน ที่กำหนด ดังนั้นจะมีการทบทวนว่าจะอนุญาตให้ใช้ขนาด 500 มก. ต่อไปได้หรือไม่ หรือควรลดเหลือเพียง 325 มก.ต่อเม็ด แต่โดยหลักการเห็นว่าให้หันมาคำนวณสูตรยาให้เหมาะสมกับน้ำหนักตัวมากกว่า

          ภก.ประพนธ์กล่าวว่า ส่วนกรณีการทบทวนลดสูตรยาพาราฯที่วางจำหน่ายในประเทศไทยขณะนี้ทั้งหมดนั้น เป็นเรื่องของคณะอนุกรรมการทบทวนตำรับยาฯ จะพิจารณาลดให้เหลือสูตรน้อยที่สุดหรือไม่ แต่เห็นว่าการที่มียาพาราฯหลายขนาดวางจำหน่ายในท้องตลาด เพราะผู้ป่วยแต่ละคนมีน้ำหนักตัวแตกต่างกัน ดังนั้น หากปรับลดยาเหลือเพียงสูตร 325 มก.ต่อเม็ด ผู้ที่มี น้ำหนักตัวมากอาจจะได้รับยาน้อยเกินไป ซึ่งส่งผลกระทบถึงประสิทธิภาพในการรักษาโรค อย่างไรก็ตาม ล่าสุด คณะอนุกรรมการทบทวนตำรับยาฯได้ทำหนังสือเวียนส่งถึงผู้ประกอบการผลิตยาพาราเซตามอลในประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อรับฟังความคิดเห็นเรื่องฉลาก เอกสารกำกับ และคำเตือนของยาพาราฯ โดยให้ส่งความเห็นกลับไปยังสำนักยา อย. ภายในวันที่ 7 พฤศจิกายนนี้ เพื่อพัฒนาปรับปรุงก่อนออกเป็นประกาศควบคุมต่อไป

          "เราต้องให้ผู้ประกอบการทราบว่า อย.กำลังทบทวนเรื่องนี้ ดังนั้นผู้ประกอบการจะต้องเตรียมความพร้อมด้วย ไม่เช่นนั้นจะเหมือนกับกรณีการยกระดับยาซูโดอีเฟดรีนเป็นวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 และต้องเรียกคืนยาซึ่งปรากฏว่า ช่วงนั้นผู้ประกอบการยังไม่ได้เตรียมพร้อม ทำให้ยาค้างอยู่ในท้องตลาดค่อนข้างมาก" ภก.ประพนธ์กล่าว