มั่นใจในสํนักงนสถิติแห่งชติ รัฐและรษฎร์จะก้วไปอย่งมั่นคง

          เป็นที่ทราบกันดีว่าประเทศไทยมีจำนวนผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ข้อมูลจากสำมะโนประชากรและเคหะของสำนักงานสถิติแห่งชาติครั้งล่าสุด ปี 2553 พบว่า มากกว่าครึ่งของประชากรเป็นผู้หญิง (ร้อยละ 50.9) นอกจากนี้ผู้หญิงมีพฤติกรรมเสี่ยง ต่อสุขภาพน้อยกว่าผู้ชาย จึงส่งผลให้ผู้หญิงมีอายุยืนยาวมากขึ้นทำให้แนวโน้มในอนาคตจะมีผู้หญิงมากกว่าผู้ชายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆอย่างไรก็ดี ปัจจุบันนี้คงปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้หญิงมีบทบาทและความรับผิดชอบมากขึ้นเช่นกัน ไม่ว่าจะต้องดูแลลูกและครอบครัวพร้อมๆ กับทำงานประจำซึ่งการที่ผู้หญิงต้องรับหน้าที่หนักอยู่ตลอดเวลาย่อมทำให้ผู้หญิงเกิดความเครียดและด้วยภารกิจมากมาย จึงละเลยการดูแลตัวเอง ทำให้เกิดการเจ็บป่วย ด้วยโรคต่างๆ ได้ง่าย

          โรคสำคัญโรคหนึ่งที่คร่าชีวิตผู้หญิงทั่วโลกไปมากรวมทั้งประเทศไทย ก็คือโรคมะเร็งเต้านม และโรคมะเร็งปากมดลูก ซึ่งถือว่าเป็นเพชฌฆาตเงียบก็ว่าได้ เพราะการเป็นมะเร็งในระยะแรกจะไม่แสดงอาการ ไม่เจ็บไม่ปวด จะปรากฏอาการผิดปกติ ให้เห็นเมื่ออยู่ในระยะที่มีการอักเสบและลุกลามไปแล้ว การรักษา มักไม่ได้ผล ส่วนใหญ่จะเสียชีวิต ดังนั้นการป้องกันและหมั่นดูแลตนเองอยู่เสมอจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดเพราะหากพบเร็วจะมีโอกาส ที่รักษาหายและรอดชีวิตสูง แต่จำนวนผู้เสียชีวิตด้วยโรคนี้ กลับเพิ่มมากขึ้นทุกปี ทั้งที่วิวัฒนาการทางการแพทย์ก้าวหน้าขึ้นจึงสะท้อนถึงการใส่ใจกับสุขภาพของผู้หญิง

          อาจเป็นเพราะเวลาที่มีอยู่ส่วนใหญ่หมดไปกับภาระต่างๆ ที่ผู้หญิงต้องแบกรับอยู่ จึงทำให้ผู้หญิงละเลยการดูแลสุขภาพ ตัวเอง การตรวจสุขภาพเป็นประจำจึงกลายเป็นการไปตรวจ ก็ต่อเมื่อเจ็บป่วยแล้วเท่านั้น ซึ่งถ้าหากเป็นโรคอื่นอาจจะทำได้ แต่คงไม่ใช่กับโรคมะเร็งโดยเฉพาะมะเร็งเต้านม และมะเร็ง ปากมดลูก!!! อย่างไรก็ตามข้อมูลจากการสำรวจอนามัยการเจริญพันธุ์ พ.ศ.2552 ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า มากกว่าครึ่ง ของหญิงอายุ 30-59 ปี ไปรับการตรวจมะเร็งเต้านมในรอบปี ที่ผ่านมา (ร้อยละ 58.1) และกว่าร้อยละ 60 ไปรับการตรวจมะเร็งปากมดลูกในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีและ ควรรณรงค์ให้ผู้หญิงไปรับการตรวจให้มากขึ้นกว่านี้ เป็น ที่น่าสังเกตว่าผู้หญิงที่อยู่ในเขตเทศบาลจะตรวจมะเร็งทั้ง 2 ชนิดนี้น้อยกว่าผู้หญิงที่อยู่นอกเขตเทศบาลอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะการตรวจมะเร็งปากมดลูก ทั้งนี้อาจเป็นเพราะนอกเขตเทศบาลสามารถใช้บริการผ่านอาสาสมัครสาธารณสุข หรือหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ซึ่งเข้าถึงผู้หญิงได้ง่ายกว่า แต่สำหรับในเขตเมือง ผู้หญิงต้องทำงานและดำเนินชีวิตแบบรีบเร่ง อาจทำให้ละเลยและไม่ดูแลใส่ใจไปรับการตรวจเท่าที่ควร

          เพื่อเป็นการรักษาสุขภาพ ไม่เฉพาะโรคมะเร็งเท่านั้น ที่ต้องหมั่นตรวจเช็ก การตรวจสุขภาพทั่วๆ ไปเป็นประจำก็สำคัญเช่นกัน ข้อมูลจากการสำรวจอนามัยสวัสดิการ ปี 2554 พบว่า มีผู้หญิงเพียง 1 ใน 4 เท่านั้นที่ตรวจสุขภาพประจำปี (ร้อยละ 27.4) ทั้งๆ ที่เรื่องสุขภาพมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่าเรื่องอื่น ดังนั้น ผู้หญิงไทยในวันนี้ นอกจากจะต้องดูแลครอบครัว ทำงานหาเงิน ต้องไม่ลืมว่า การดูแลสุขภาพก็สำคัญไม่น้อยกว่าเรื่องอื่นๆ เลย....