เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า วันที่ 19 พฤศจิกายนของทุกปี องค์การส้วมโลก กำหนดให้เป็น "วันส้วมโลก" (world toilet day) เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นในการรณรงค์กิจกรรมต่างๆ ให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของความสะอาดห้องน้ำและห้องส้วมมากขึ้น เนื่องจากเป็นสถานที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวันสำหรับขับถ่าย ของเสียที่ออกจากร่างกาย ทั้งนี้ เมื่อปี 2555 กรมอนามัยได้สุ่มสำรวจห้องส้วมสาธารณะ เช่น สถานีบริการน้ำมัน วัด พบว่าต้องเพิ่มการดูแลความสะอาดส้วมให้มากขึ้น เนื่องจากพบว่ามีการปนเปื้อนอุจจาระถึง 6 จุด พบมากที่สุด คือที่จับสายฉีดน้ำชำระ ร้อยละ 85 รองลงมา บริเวณพื้น ร้อยละ 50 ที่รองนั่งโถส้วม ร้อยละ 31 ที่กดน้ำของโถส้วม และโถปัสสาวะ ร้อยละ 8 ก๊อกน้ำล้างมือ ร้อยละ 7 และที่กลอนประตู ร้อยละ 3 จึงขอความร่วมมือเจ้าของหรือผู้ดูแลความสะอาดส้วมในสถานที่ดังกล่าวให้เพิ่มความถี่ในการดูแลความสะอาด โดยเฉพาะจุดที่พบการปนเปื้อน เพื่อไม่ให้มีกลิ่นเหม็น และไม่เป็นแหล่งแพร่กระจายเชื้อโรค
ด้าน นพ.ณัฐพร วงษ์ศุทธิภากร รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมอนามัย ได้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จัดหลักสูตรการสอนการใช้ส้วมให้เด็กนักเรียนระดับประถมศึกษาทั่วประเทศ โดยปลูกฝัง 4 พฤติกรรมหลัก คือ 1.นั่งบนโถส้วม 2.ไม่ทิ้งวัสดุอื่นนอกจากกระดาษชำระลงในโถส้วม 3.ราดน้ำหรือกดชักโครกทุกครั้งหลังการใช้ส้วม และ 4.ล้างมือฟอกสบู่ทุกครั้งหลังการใช้ส้วมเพื่อกำจัดเชื้อโรค และสุขอนามัยที่ดี